วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไล่ล่าเข่นฆ่าเพื่อครองอำนาจ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน เห็นว่าการที่รัฐบาลยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เท่ากับเป็นการยืนยันที่จะอยู่ในอำนาจจนกว่าจะหมดวาระ อย่างไรก็ตาม คนเสื้อแดงก็ยังมีการเคลื่อนไหวตลอด แม้จะถูกไล่ล่าแต่ก็ไม่กลัวถ้าทำแล้วประเทศเป็นประชาธิปไตยก็ยอม ที่เหลืออ่านต่อดังนี้

ศอฉ. จัดชุดไล่ล่าคนเสื้อแดง

อย่างที่ผมได้อธิบายมาตลอดว่าถ้ารัฐบาลบอกว่าตัวเองถูกคนจะลอบทำร้ายนั่นหมายถึงพวกผมที่ต้องระวังตัว เพราะรัฐบาลพูดอย่างนี้ฝ่ายที่ตายคือฝ่ายผมทุกครั้ง ฉะนั้นการไล่ล่าของรัฐบาลเป็นพวกอื่นไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการโดนยิงตายของแกนนำโคราชที่รู้จักในนาม “อ้วน บัวใหญ่” ที่จนป่านนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ในขณะที่พยานคนเดียวก็ไม่กล้าออกมาพูดอะไรเพราะกลัวอำนาจมืดที่คอยไล่ล่าทุกวัน หรือแม้กระทั่ง “การ์ดพัทยา” หรือการ์ดของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ชื่อ“น้ำหวาน” อดีตจ่าอากาศหน่วยคอมมานโด ก็เป็นความตายที่เป็นปริศนา เป็นฆาตกรรมอำพรางทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแกนนำทุกจังหวัด ทุกกลุ่มใน 400 กลุ่ม ถูกไล่ล่าเหมือนกันหมด

พวกเราเองก็รู้ว่าเวลานี้แค่ทำหน้าที่รักษาลมหายใจก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่การกดขี่ของรัฐบาล การไล่ล่าของรัฐบาล การที่รัฐบาลปากบอกปรองดองแต่พฤติกรรมปองร้าย เท่ากับไปสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนผู้รักความยุติธรรม ซึ่งไม่เฉพาะคนเสื้อแดงเท่านั้น เพราะคนไทยไม่ชอบให้ใครไปรังแกกัน ยิ่งรังแกมากเท่าไรคนจะมีความรู้สึกว่าไปรังแกอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างไร เพราะฉะนั้นถามว่า ณ ขณะนี้คนเสื้อแดงอยู่อย่างไร ก็ตกอยู่ในสถานะของคนที่มีความรู้สึกเจ็บปวด สูญเสีย แต่ก็ยังเป็นคนเสื้อแดงอยู่

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมได้อธิบายกับสื่อมวลชนต่างประเทศไปเหมือนกันว่าคนเสื้อแดงอยู่นิ่งๆก็ถือเป็นการเคลื่อนไหวแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปชุมนุมเหมือนเดิม เพราะรู้ว่าถ้าไปชุมนุมก็ต้องมีการฆ่าเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นขณะนี้เพียงแค่เรามีโอกาสได้พูดความจริงบ้าง มีโอกาสได้ปรับทุกข์ มีโอกาสให้กำลังใจซึ่งกันและกันมันก็มากแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงมีโอกาสได้เจอกันในงานทำบุญ ครั้งนี้คงมีโอกาสได้เจอกันในสนามการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 กทม. เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ก็เป็นโอกาสของพวกเราที่จะได้พบปะกัน เพราะฉะนั้นการนำความทุกข์มาปรับกันและมีโอกาสได้อธิบายความจริงให้ประชาชนที่ไม่ได้มีโอกาสอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ผมเชื่อว่าความจริงจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

มีคนจ้องปองร้ายรัฐบาล

การออกมาบอกเช่นนี้ของคนที่เป็นผู้นำตำรวจอย่าง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อความคิดเห็นและการนำเสนอตรงนั้นคือการหาเหตุของรัฐบาลเท่านั้นคือ 1.เป็นการหาความชอบธรรมสำหรับการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2.เป็นการกลบการใช้งบประมาณจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท ในการฆ่าประชาชน 3.เป็นการอนุมัติงบประมาณในการซื้อรถกันกระสุนและรถต่างๆเพิ่มเติม การจัดกำลังเพิ่มเติม ทั้งหมดเป็นมายาภาพทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการกุข่าวหรือแม้แต่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ที่ความจริงเป็นพวกรัฐบาลชุดนี้ 100% ยังไม่เชื่อเลยว่าข่าวลอบสังหารมีจริง เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครไปทำอะไรนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยกเว้นขบวนรถจะขับชนกันเอง

เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าเป็นการกุข่าว เป็นการเรียกร้องความสนใจ เหมือนกับการยิงถังน้ำมันเปล่า น่าแปลกตรงที่ว่ามีถังน้ำมันอยู่ 10 ถัง ในนั้นมีน้ำมัน 9 ถัง แต่ไปเลือกยิงถังน้ำมันเปล่า หรือแม้กระทั่งระเบิดรถขายผลไม้ข้างพรรคภูมิใจไทย เพราะที่ผ่านมาผมเจอแกนนำแหลมฉบังเขาไม่รู้จักการ์ดคนนี้เลย เพราะฉะนั้นทั้งหมดจึงอธิบายความได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล ซึ่งยิ่งสร้างความเจ็บแค้นให้กับประชาชนมากขึ้น เพราะประชาชนในที่สุดก็รู้ความจริง

จะคง พ.ร.ก. ไว้นานหรือไม่

รัฐบาลจะทำอะไรก็ได้ไม่มีปัญหา จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ตลอดชาติก็ได้ ในเมื่อผมอธิบายชัดเจนว่าในภาคใต้ 6-7 ปีมาแล้ว 3 จังหวัดชายแดนบวกอีก 5 อำเภอ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นาทวี จะนะ เทพา สะบ้าย้อย ถามว่าทำไมปัญหาจึงไม่จบล่ะ ดังนั้น พ.ร.ก. ฉบับนี้เนื้อหาเหมือนกันหมดทุกอย่าง ฉบับเดียวกันหมดงบไปเกือบ 200,000 ล้านบาท ตายกว่า 4,000 คน บาดเจ็บเป็นหมื่น ถามว่าจบหรือไม่

เพราะฉะนั้นการตรึง พ.ร.ก. ไม่ได้เป็นการตอบว่าเป็นการจบปัญหา จะทำให้รัฐบาลมีความรู้สึกว่าตัวเองมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่ถามว่าถ้าสำเร็จจริงทำไม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เสียงปืนจึงไม่สงบล่ะ ความตายจึงไม่เคยหยุด เพราะฉะนั้นความสงบก็เกิดขึ้นมาไม่ได้จากการใช้ พ.ร.ก.

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่า กทม. จะไม่มีปัญหาเหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างสถานการณ์ก็เห็นว่ามีร่องรอย อาชญากรไปทำเหตุที่ใดก็มักทิ้งร่องรอยอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาลซึ่งเวลานี้เข้าใจว่าอยู่ได้เพราะ พ.ร.ก. ความจริงไม่ใช่ ประชาชนคนไทยเขาเกลียดที่สุดคือการโกหก ยิ่งจัดฉากสร้างสถานการณ์ใส่ร้าย และผมเชื่อที่สุดก็จะตรึง พ.ร.ก. ไว้ตลอดรัฐบาลชุดนี้ แต่ไม่มีวันรักษาอำนาจได้ และไม่มีใครไปทำอะไรรัฐบาลชุดนี้ เพราะคนที่ทำรัฐบาลชุดนี้คือตัวรัฐบาลเอง

ศาลว่า ศอฉ. ไม่ผิดกฎหมาย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เลือกที่จะไม่พูดคำพิพากษาทั้งหมด คืออย่างนี้ ของผมมี 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งศาลแพ่งวินิจฉัยชัดเจนว่าจะต้องสลายการชุมุนมโดยยึดหลักสากล ครั้งที่ 2 ผมไปขอคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้มีการล้อมปราบ ครั้งที่ 2 ไม่อนุญาตก็ต้องดำเนินการตามหลักสากล ไม่มีคำวินิจฉัยอันใดบอกว่าไม่มีความผิด ที่ไปตีความมันเห็นแก่ตัว มันก็มีอยู่แล้วในมาตรา 17 ว่าต้องเป็นการกระทำตามเหตุผล 1 2 3 4

แสดงว่านายสุเทพโกหก

ก็อาจจะสร้างความสุขให้กับนายสุเทพไป เพราะความจริงคือไม่มี พ.ร.ก. ฉบับไหนให้ฆ่าคนตายได้ หรือฆ่าคนบริสุทธิ์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายนี้ทั่วโลก

พ.ร.ก. ฉบับนี้คุ้มครองทั้งหมด

อันนั้นก็เป็นความสุขของคุณสุเทพ คุณสุเทพจะหาความสุขอย่างไรก็เป็นเรื่องของคุณสุเทพ คิดว่านั่นคือความสำเร็จก็ไปสู้กัน เรื่องนี้ถึงศาลโลกอยู่แล้ว ถึงศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นศาลแพ่งไม่ได้อนุญาตให้คุณสุเทพเอา พ.ร.ก. มาเป็นข้ออ้างในการใช้ให้ทหารมาทำร้าย มาฆ่าประชาชน เพราะดูคำวินิจฉัยแล้วไม่มีผู้พิพากษาคนไหนในประเทศนี้บอกว่าฆ่าคนแล้วไม่ผิด คำพิพากษาอันแรกคือต้องสลายตามหลักสากล เราขอคำคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ในครั้งที่ 2 คำพิพากษาแรกยังใช้อยู่ เขาให้สลายการชุมนุมได้แต่ต้องยึดหลักสากล แล้วหลักสากลที่ไหนใช้รถหุ้มเกราะ สไนเปอร์ เอ็ม16 มันไม่มี มันผิดมาตั้งแต่ต้น แต่คุณสุเทพก็เลือกอธิบายดูเหมือนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง สร้างความสุขให้กับคุณสุเทพก็สร้างความสุขไป

จะไม่มีการเลือกตั้งในอีก 3-4 ปี

ตรงนี้ไม่ทราบ เพราะไม่ว่าใครก็ตามคิดอย่างนั้น ใครอยากใคร่ทำอะไรก็ทำกันไปก็แล้วกัน ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดวิบากกรรมคือกฎหมายช้ากว่ากฎแห่งกรรม ผมเชื่อว่าถึงที่สุดจะยื้ออย่างไรก็ตามคณะรัฐประหารในอดีตมีกองกำลังมากมาย ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทัดทานประชาชนได้ ผมก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่าใครก็ตามยิ่งอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและก็ไปทำลายประชาธิปไตย ฆ่าคน ใส่ร้ายประชาชนแบบนี้ และคิดว่าตัวเองจะอยู่ได้ยาวและจะลากไปถึงไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็คิดไปเถอะ เพราะเป็นความคิดของคุณ แต่คุณถามเจ้าของประเทศเขาแล้วหรือยัง ถามเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยเขาแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ให้ความสนใจ คุณอยากจะประกาศ พ.ร.ก. ตลอดก็ประกาศไป แต่ไม่จำเป็นต้องมาสร้างสถานการณ์อะไรเลย

รัฐบาลไม่ยอมรับว่ามีการตาย

นี่คือวิธีคิดของรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งดำเนินคดีก่อการร้ายไง เพราะก่อการร้ายตอนออกหมายจับไม่มีเหตุอะไรเลย ฉะนั้นการเผาตึก ตึกที่ไหม้ใครได้ประโยชน์ ต้องดูประโยชน์ ถามว่าคนเสื้อแดงได้ประโยชน์หรือเปล่า คนเสื้อแดงเสียประโยชน์เพราะถูกมองว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง หากถามว่าใครได้ประโยชน์ ก็คือรัฐบาล เพราะฉะนั้นดูตรรกะเลยว่าเกิดเรื่องอะไร วิเคราะห์ง่ายๆขั้นพื้นฐาน ระเบิดข้างพรรคภูมิใจไทยใครได้ประโยชน์ คนเสื้อแดง หรือภูมิใจไทย หรือรัฐบาลได้ประโยชน์ ตอบว่าภูมิใจไทย รัฐบาลได้ประโยชน์ ใครได้ประโยชน์คือคนนั้นทำ

เพราะฉะนั้นกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมคุยกับเจ้าของเก่า คุณวิรุฬ เตชะไพบูลย์ เรื่องเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เขาก็ระบุเรื่องความผิดปรกติชัดเจน แล้ววันนี้จับใครไม่ได้ ที่จับไปได้ภาพสุดท้ายเขาถือถังดับเพลิงช่วยดับ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถูกนำมาเพื่อกลบความผิดของตัวเอง ถ้าพวกผมเป็นผู้ก่อการร้ายได้ นายอภิสิทธิ์อาจคิดว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากคดีบงการใช้ จ้างวานฆ่า ทั้งที่จริงแล้วคนตาย 80 คน บาดเจ็บ 1,500 คน ยังเป็นประจักษ์พยานอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เชื่อว่าเขาต้องยัดเยียดข้อหานี้เพื่อกลบความผิดของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ตราบใดที่ความยุติธรรมยังไม่มีก็ไม่มีปัญหา วันใดที่ความยุติรรมมี ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องได้รับการปฏิบัติการอย่างยุติธรรม

ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง

ถึงตรงนี้คนเสื้อแดงยังอยู่กันครบ ไม่มีใครบอกว่าหลังการชุมนุมวันที่ 19 พฤษภาคมแล้วได้ลาออกจากการเป็นคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงอยู่ในสภาพของการถูกไล่ล่า ถูกกดดัน บางคนก็ถึงแก่ชีวิตหลังจากนั้น เพราะฉะนั้นภาพต่างๆ เวลานี้อย่าเพิ่งไปคิดเลย คิดเพียงแค่ว่าเวลานี้จะไม่ให้มีคนตายเพิ่มอย่างไร การนิ่ง การสงบ รู้ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ และควรเอาบทเรียนในช่วงที่ผ่านมาเป็นตัวกำหนดในการตัดสินใจ คนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบจะต้องชุมนุมกันเหมือนเดิม เพียงแต่ช่วยกันพูดทำความจริงให้ปรากฏรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้แล้ว เราก็รู้ว่าถ้าชุมนุมเหมือนเดิมก็จะถูกฆ่าเหมือนเดิม

เพราะฉะนั้นวันนี้เรารู้ว่าเราทำอะไรได้มากแค่ไหน ในความเห็นของผมไม่จำเป็นต้องชุมนุมเลย เพียงแค่ช่วยกันพูดความจริง ขอให้เสียงความจริงมันดังพร้อมๆกันทั้งประเทศนั่นก็คือชัยชนะแล้ว แต่ ณ ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่าหัวใจของคนเสื้อแดงเจ็บปวด ขมขื่น รวดร้าว แต่ก็ยังเป็นคนเสื้อแดงอยู่ ไม่มีการบอกว่าหลังวันที่ 19 พฤษภาคมคนเสื้อแดงจะลดลง ไม่มีใครพูดอย่างนี้สักคน เพราะทุกคนออกจากสนามรบด้วยความเจ็บปวด ด้วยความขมขื่น ด้วยคราบเลือดของเพื่อนที่ได้รับชะตากรรม เพราะนั้นผมยังเชื่อว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ในระยะสั้นคนเสื้อแดงรู้ว่าควรทำอย่างไร และจะใช้ชีวิตภายใต้กติกาที่ชั่วร้ายนี้อย่างไร ในโลกแห่งความเป็นจริงเราก็ต้องรู้เหมือนกันว่าขอบเขตที่สามารถทำได้คืออะไร ซึ่งแน่นอนที่สุดในวันนี้มีโอเอซิสในเขตเลือกตั้งที่ 6 เราก็มีโอกาสไปช่วยเพื่อนเรา ได้มีโอกาสเจอเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยช่วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ได้พบปะกัน แต่ทั้งหมดนั้นเราไม่ควรคิดเกินกว่าความเป็นจริงที่เราสามารถจะกระทำได้

“ก่อแก้ว” เป็นใคร

ผมกับนายก่อแก้วรู้จักกันมาหลายปีเพราะมีอายุเท่ากัน ซึ่งนายก่อแก้วเกิดวันที่ 27 มีนาคม 2508 ส่วนผมเกิดวันที่ 5 ตุลาคม 2508 เป็นเพื่อนกัน มารู้จักสนิทสนมกันตอนเป็นหนุ่มแล้ว ผ่านชีวิตมามากมาย ก็มีความผูกพันกันมาตลอด เพราะฉะนั้นเมื่อพวกผมได้มาตั้งพีทีวีหลังจากมีการยึดอำนาจ ผมก็เป็นคนตามนายก่อแก้วมาร่วมกับพีทีวี และก่อนที่จะมีการยึดอำนาจผมมีโอกาสได้ชักชวนนายก่อแก้วเข้ามาร่วมต่อสู้ทางการเมือง ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในพรรคให้เห็นถึงศักยภาพของนายก่อแก้วที่จบปริญญาตรี ปริญญาโทก็ได้เกียรตินิยม คณิตศาสตร์ก็ได้ที่ 1 ของภาคใต้ ทำธุรกิจก็ประสบผลสำเร็จมากมาย สุดท้ายนายภูมิธรรม เวชยชัย ก็ตั้งให้เป็นที่ปรึกษาและเป็นกรรมการของ ร.ส.พ. (องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์) และให้ไปรักษาการผู้อำนวยการ ร.ส.พ. เป็นคนสุดท้าย เพราะเวลานั้นรัฐบาลมีมติให้ยุบ ร.ส.พ.

พอถูกยึดอำนาจพวกผมก็ลุกขึ้นมาต่อสู้และตั้งพีทีวี ก็ชวนนายก่อแก้ว เขาก็มาทั้งที่ตัวเองก็อยู่ในฐานะที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็มาร่วมการต่อสู้กับผม กับนายณัฐวุฒิ กับนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่ตามมาเพิ่มก็คือนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาโดยตลอด ช่วงจากความจริงวันนี้ก็มีโอกาสที่จะทำตรงนั้นแทนนายณัฐวุฒิ เพราะตอนนั้นนายณัฐวุฒิมีตำแหน่งเป็นโฆษกรัฐบาลทำให้งานค่อนข้างมาก และไม่ค่อยมีเวลามาร่วมงานกันมากนัก แต่ถึงอย่างไรนายณัฐวุฒิก็มาร่วมเป็นบางครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามเกลอความจริงวันนี้ควรจะเป็นสี่เกลอมาตั้งแต่ต้น เพราะนายก่อแก้วก็อยู่ในรายการความจริงวันนี้มายาวนาน และเพื่อนพ้องน้องพี่ก็เป็นสัญลักษณ์ของทั้ง 4 คนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อมีการต่อสู้นายก่อแก้วก็เป็นแกนนำของเราคนหนึ่ง แต่บุคลิกภาพเขาเป็นคนที่มีความสามารถ ความรู้ไปทางวิชาการบ้าง แต่ทั้งหมดมีหัวใจที่รักประชาธิปไตย

ทำไมถึงเจาะจงที่ “ก่อแก้ว”

การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่วันนี้คนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยกลับถูกกล่าวหาว่าก่อการร้าย ถูกจับเข้ากุมคุมขังในเรือนจำ ดังนั้น เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม มีคนอยู่ในเรือนจำที่มีคุณสมบัติพร้อม พรรคเพื่อไทยก็ตัดสินใจส่งลงสมัครทันที ตอนแรกเราคิดถึงนายณัฐวุฒิก่อน เพราะเป็นคนที่ได้รับความรัก ความเชื่อมั่น ความศรัทธาจากคนเสื้อแดงมาก แต่เมื่อดูคุณสมบัติการเรียนในชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท ไม่ต่อเนื่องกัน มีการเว้นระหว่างปริญญาตรีและปริญญาโท จึงไม่อยากสุ่มเสี่ยงมาเป็นผู้สมัคร กลัวจะถูกตีความ เมื่อนายณัฐวุฒิมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติก็คิดตรงกับผมและพรรคเพื่อไทยว่าควรเอานายก่อแก้วมาสมัคร เพราะนายก่อแก้วก็อยู่ตกอยู่ในฐานะเดียวกับเพื่อนอีกหลายคน และยังอยู่ในเรือนจำเหมือนกับนายณัฐวุฒิ

การที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายก่อแก้วเป็นผู้สมัครเกิดจากความเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ กล่าวคือ การเลือกนายก่อแก้วเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยเป็นการเปิดโอกาสของคนที่มีหัวใจรักประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการตอบโจทย์ที่สำคัญคือมองเห็นเหมือนกันหมดว่าการส่งนายก่อแก้วถือว่าเป็นการเยียวยาหัวใจของพี่น้องมวลชนคนเสื้อแดง คนที่ไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะไม่มีวันถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคหรือประชาชน เพราะฉะนั้นการลงรับสมัครเลือกตั้งแม้นายก่อแก้วจะไม่มีโอกาสมาหาเสียงแม้แต่เพียงวันเดียว แต่คนที่เป็นเพื่อนเขาไม่ว่าจะเป็นส่วนของพรรค ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. และเพื่อนพ้องน้องพี่คนเสื้อแดงจะทำหน้าที่นี้แทนนายก่อแก้ว ถามว่ามีโอกาสต่อสู้ในการเลือกตั้งหรือไม่ ตอบว่าเขตนี้ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะกันมานานระหว่างพวกเรากับพรรคประชาธิปัตย์ และซีกผมชนะมากกว่าเมื่อเทียบจำนวนครั้ง เพราะฉะนั้นคะแนนมันห่างกันหลักพัน ครั้งที่แล้วประชาธิปัตย์ได้ 2 ผมได้ 1 จาก 3 คน แต่คะแนนที่ 4 ก็ห่างกันนิดเดียว

เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าถ้าพรรคการเมืองใหม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้งผมแบเบอร์ เพราะเพียงแค่พรรคการเมืองใหม่แบ่งไปสักหมื่นพวกผมอาจได้แสนคะแนนใกล้เคียงกันก็ชนะแล้ว แต่เมื่อพรรคการเมืองใหม่ถอนตัวไปก็เป็นหน้าที่ในการลงพื้นที่อธิบายความ เวลานี้จะเทียบเรื่องการเลือกตั้ง สข. (สมาชิกสภาเขต) ที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะเราเลือก สข. จากบรรยากาศหลังจากการล้อมปราบ ส.ส. ถูกอายัดบัญชีหมด และที่สำคัญที่สุดคือแกนนำในพื้นที่ที่ช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งถูกไล่ล่าไม่สามารถช่วยหาเสียงได้ ผิดกับการเลือกตั้ง ส.ส. ในครั้งนี้ เพราะคนนอกพื้นที่ที่เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กับนายก่อแก้วและพวกเราจะเดินทางมาช่วย ส.ส. 189 คนของพรรคก็จะลงไปช่วย สก. (สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร) สข. ก็จะลงไปช่วย เพราะฉะนั้นที่นั่นจะเป็นเหมือนกับโอเอซิสของประเทศไทยที่จะเป็นทะเลหรือเป็นเหมือนบ่อน้ำแห่งความจริง

หากถามว่ามีโอกาสหรือเปล่า ผมบอกได้เลยว่ามีโอกาสมาก ถามว่าเป็นรองมั้ยก็เป็นรอง เพราะ 1.ผู้สมัครไม่มีโอกาสมาหาเสียงได้เลย และ 2.รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายสุเทพบอกว่าถ้าพูดให้แตกแยกก็จะจับกุมทันที ซึ่งการเลือกตั้งรัฐบาลไม่มีสิทธิเลย โดยหลักเป็นหน้าที่ของ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) แต่รัฐบาลยิ่งใช้อำนาจรัฐมากเท่าไรประชาชนยิ่งต่อต้านมากเท่านั้น ผมยังคิดในมุมนี้อยู่นะ คือวันนี้เราเป็นรองเรื่องอำนาจรัฐ 100% กลไกทุกกลไกเราเป็นรอง 100% แต่เราเชื่อว่าเรามีความจริงที่เป็นอาวุธ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะนำไปต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และผมเชื่อว่าความจริงนี่แหละแม้จะเป็นรอง แต่ความจริงจะเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=7207

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น