วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ถ้าประชาธิปัตย์ถูกยุบ

มวลสมาชิก ส.ส.กรรมการบริหารพรรค ตลอดจนบรรดาผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย คงจะรู้สึกหนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน หลังจากที่คณะทำงานร่วม กกต.และอัยการสูงสุด เห็นพ้องกันว่าควรเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีรับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด และเตรียมเสนอนายทะเบียนพรรคเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

เงินบริจาค 258 ล้านบาท นับเป็นคดีที่สองที่ กกต.และอัยการสูงสุดเห็นว่าควรเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยมีความเห็นให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ไม่ตรงกับความเป็นจริง ขั้นต่อไปเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดว่าควรยุบพรรคหรือไม่?

มีหลายประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาและวินิจฉัย เช่น กระบวนการยื่นคำ ร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ถูกต้องหรือไม่? การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ (ตั้งแต่ปี 2548) ผิดกฎหมายพรรคการเมือง 2541 และ 2550 หรือไม่? และถ้ายุบพรรค กรรมการบริหารพรรคจะถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เหมือนกับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพรรคอื่นๆหรือไม่?

โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนาซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แสดงความเห็นว่า กรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ใกล้ถึงจุดสุดท้ายแล้ว และกลัวว่าจะเป็นสายล่อฟ้าทางการเมือง เพราะจะมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม และคงจะมีการนำไปขยายผลทางการเมือง แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ และกรรมการพรรคถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จะมีผลกระทบรุนแรง

พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่ เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด และรอดปากเหยี่ยว ปากกามาหลายทศวรรษแล้ว ถ้าคราวนี้ถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งทั้งคณะ จะไม่กระทบแต่พรรคประชาธิปัตย์ แต่จะกระทบถึงสถานการณ์การเมืองของประเทศโดยรวม เพราะกรรมการพรรคหลายคนเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ที่สำคัญที่สุด คนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่เกิดเรื่องเงินๆทองๆในพรรค แม้นายกฯอภิสิทธิ์อาจจะไม่รู้เห็นในการรับหรือใช้จ่ายเงิน แต่ก็อาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแบบเหมารวมทั้งคณะ ต้องพ้นจากนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ต้องห้ามการเมืองถึง 5 ปี ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ หรืออาจเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ แล้วแต่เสียงข้างมากในสภา

ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ต้องพ้นจากตำแหน่ง ไม่ทราบว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะมีเสียงข้างมากในสภาหรือไม่? เพราะจะต้อง เสีย ส.ส.ที่เคยเป็นกรรมการพรรคประชาธิปัตย์ ไปหลายคน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่สำเร็จ ก็อาจจะเป็นทีของพรรคเพื่อไทย ที่อาจตั้งรัฐบาลเพื่อนายใหญ่ได้ โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงจัดการชุมนุม แต่ก็จะต้องระวังการแทรกแซงของพลังนอกสภาไว้ด้วย.

http://www.thairath.co.th/column/pol/editor/95352

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น