วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปิดใจครอบครัว มาร์ค วี11



เปิดใจครอบครัว 'มาร์ค วี11' กับการดูแลสมาชิกในครอบครัวด้วย 'ความรัก'

http://www.voicetv.co.th/content/18570/เปิดใจครอบครัวมาร์ควี11

เสวนา 'สิทธิ เสรีภาพและสมานฉันท์'



ทายาทเดือนตุลาและคนรุ่นใหม่ระบุ แม้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมแต่ต้องเคารพกฎหมาย ชี้แนวทางสมานฉันท์ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม

เสวนา 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุ้มครองหรือคุกคาม'



ผู้ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมตัวจัดเสวนาในหัวข้อ 'พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุ้มครองหรือคุกคาม'

ผมถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะมีหนังสติ๊ก



สิทธิพงษ์ สิทธิสีจันทร์ กลายเป็นผู้พิการทางสายตาเพราะถูกทหารยิงที่ศีรษะ โดยให้เหตุผลเป็นผู้ก่อการร้ายและมีหนังสติ๊ก อาวุธในมือ

http://www.voicetv.co.th/content/18556/ผมถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายเพราะมีหนังสติ๊ก

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"ปฏิรูปประเทศไทย"...รับฟังเด็กและเยาวชนแล้วหรือยัง?



“ขอพื้นที่สำหรับเด็กและเยาวชน”ในการระดมความคิด หาทางออกเพื่อปฏิรูปประเทศและการก้าวเดินไปสู่อนาคตร่วมกัน

มีหลายองค์กร หลายกลุ่ม ที่ร่วมกันระดมความคิดเห็น เสนอแนวทางในการปฏิรูปประเทศ เพื่อกำหนดแนวทิศทางประเทศกันใหม่ ไม่ให้ซ้ำรอยเส้นทางแห่งหายนะที่เราเพิ่งผ่านพ้นกันมา

สภาเด็กและเยาวชน ก็เป็นอีกกลุ่มองค์กรหนึ่ง ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการกำหนด หรือวางทิศทางอนาคตของประเทศไทย

และการประชุม สมัชชาเด็กและเยาวชนประจำปีนี้ นายรัชฎะ ศรีบุญรัตน์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอปัญหาจากการระดมสมองของเด็กและเยาวชนให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบใน 7 ประเด็น ด้านการศึกษา ด้านสื่อ ด้านสวัสดิการ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสาธารณูปโภค

ข้อเสนอแนะของตัวแทนเด็กและเยาวชน จะได้รับความสนใจและนำไปร่วมปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร ติดตามได้ในรายการ Intelligence

http://www.voicetv.co.th/content/18517/ปฏิรูปประเทศไทยรับฟังเด็กและเยาวชนแล้วหรือยัง

แคท เหยื่อราชปรารถ จากคนปกติเป็นคนสติเสีย



เปิดกรณีศึกษาหญิงวัย 33 ปี เสียสติฉับพลัน หลังเผชิญเหตุทหารใช้อาวุธสงครามล้อมปราบและซุ่มยิงชาวบ้านย่านราชปรารถ

http://www.voicetv.co.th/content/18527/แคทเหยื่อราชปรารถจากคนปกติเป็นคนสติเสีย

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ขอคืนพื้นที่เสรีภาพ !



ดร.เกษม เพ็ญภินันท์ ตั้งคำถามว่า มันยุติธรรมแล้วหรือที่คนกรุงเทพส่วนใหญ่ได้พื้นที่ในเชิงกายภาพคืน

มุมมองของ ดร.เกษม เพ็ญภินันท์ จากภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เรียกร้องขอคืนพื้นที่เสรีภาพ โดยตั้งคำถามว่า มันยุติธรรมแล้วหรือที่คนกรุงเทพส่วนใหญ่ได้พื้นที่ในเชิงกายภาพคืน แต่ในทางกลับกันเรากลับไม่มีพื้นที่ทางเสรีภาพ

นักวิชาการด้านปรัชญา อธิบายการสร้างวาทกรรม ขอคืนพื้นที่ การกระชับพื้นที่ และการก่อการร้าย ว่าเป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์โดยเฉพาะสิทธิทางการเมืองของคนเสื้อแดง พร้อมกับเสนอให้ยกเลิกการบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ดร.เกษม วิจารณ์ว่าภายใต้โครงสร้างปฏิรูปประเทศไทยตามแนวทางการปรอง เราอาจกำลังถูกผลักออกจากระบอบประชาธิปไตยภายใต้เงื่อนไขประชาธิปไตย พร้อมกับตั้งคำถามว่าพิมพ์เขียวของคณะกรรมการปฎิรูปทุกชุดจะได้รับการรับรองความชอบธรรมในอนาคตหรือไม่

http://www.voicetv.co.th/content/18406/ขอคืนพื้นที่เสรีภาพ

สังคมไทยยังฝุ่นตลบจากเหตุการเมือง



บรรยายพิเศษ ม.เชียงใหม่ วิพากษ์การเมืองไทยยังฝุ่นตลบและไม่เห็นทางออก จนกว่าทุกฝ่ายจะปรับบทบาทตัวเองใหม่

http://www.voicetv.co.th/content/18411/สังคมไทยยังฝุ่นตลบจากเหตุการเมือง

คำชี้แจงกรณี 6 ศพวัดปทุมฯจากรัฐบาล



คำชี้แจงจากรัฐบาล กองทัพและศอฉ.ที่พยายามพิสูจน์ว่าวันเกิดเหตุการณ์เสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมฯไม่มีทหารอยู่ในพื้นที่ ติดตามจากรายงาน

http://www.voicetv.co.th/content/18407/คำชี้แจงกรณี6ศพวัดปทุมฯจากรัฐบาล

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความคืบหน้าหาตัวคนร้าย คดีระเบิดหน้าบิ๊กซี



เจ้าหน้าที่ตำรวจประชุมหารือ ติดตามความคืบหน้าหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณหน้าห้างฯบิ๊กซี ราชดำริ เป็นวันที่ 2

http://www.voicetv.co.th/content/18345/ความคืบหน้าหาตัวคนร้ายคดีระเบิดหน้าบิ๊กซี

ขอคืนพื้นที่ความจริง : ความจริงที่พ.ร.ก.ฉุกเฉินห้ามไม่ถึง



ย้อนรอยคำสัมภาษณ์นักข่าวต่างชาติที่ติดอยู่ในวัดปทุมวนาราม บอกเล่าคืนอำมหิตในเขตอภัยทาน

http://www.voicetv.co.th/content/18344/ขอคืนพื้นที่ความจริงความจริงที่พรกฉุกเฉินห้ามไม่ถึง

พระสงฆ์กับเหตุเมษา-พฤษภา 53



ความเหมาะสมในการเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองของพระสงฆ์ ในช่วงเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา ที่ผ่านมา ติดตามได้จากรายงาน

http://www.voicetv.co.th/content/18335/พระสงฆ์กับเหตุเมษา-พฤษภา53

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เข็มทิศ ?... “ปฏิรูปประเทศไทย”



ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ แสดงทัศนะในการแก้ปัญหาของประเทศ “ปัญหาต้องแก้จากข้างล่าง สร้างความเท่าเทียมให้กับประชาชนผู้ขาดโอกาส”

หม่อมราชวงศ์อคิน รพีพัฒน์ เป็นโอรสใน หม่อมเจ้าเพลิงนภดล รพีพัฒน์ (พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์และหม่อมอ่อน) กับ หม่อมเจ้าหญิงทรงอัปสร รพีพัฒน์ (กิติยากร)(พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถกับหม่อมเจ้าหญิงอัปสรสมาน เทวกุลหม่อมราชวงศ์อคินจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขากฎหมายจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และปริญญาโทและปริญญาเอกสาขามานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นเวลานานหลายปี เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการสร้างสรรค์และพัฒนาชุมชน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิชุมชนไท และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย

หม่อมราชวงศ์อคิน รพีพัฒน์ แสดงทัศนะต่อปัญหาที่ดิน ความไม่เป็นธรรม ที่เกิดจากความมักง่าย ประมาท และการปฏิบัติอย่างเถรตรง ไม่ยืดหยุ่นของราชการ ตลอดจนการปฏิบัติที่มีเล่ห์เหลี่ยม คอรัปชั่น นับตั้งแต่ การประกาศอุทยานทับพื้นที่ดินทำกิน การขับไล่พี่น้องชาวชุมชน ออกจากที่อยู่อาศัย รวมทั้งนายทุนออกโฉนดทับชุมชน ซึ่งต้นเหตุความจริงส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาประเทศแบบทุนนิยม ที่ต้องการให้ประเทศก้าวไปสู่ความร่ำรวย

คณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย จะมีกระบวนการปฏิรูปเพื่อลดความเลื่อมล้ำ
ในสังคมได้หรือไม่ และประชาชนจะมีสิทธิในการตัดสินใจกำหนดอนาคตของประเทศในฐานะเจ้าของประเทศ ไม่ใช่แค่ผู้อาศัยมากน้อยเพียงใด ติดตามคำตอบในรายการ INTELLIGENCE

http://www.voicetv.co.th/content/18266/เข็มทิศ“ปฏิรูปประเทศไทย”

ตร.ระบุคนร้าย ใช้ M67ดัดเเปลง ระเบิดบิ๊กซี



ชุดสืบสวนเผย เหตุระเบิดบิ๊กซี ราชดำริ คนร้ายใช้ระเบิดขว้าง M67 ดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ตั้งเวลาทำงานล่วงหน้า30นาที

http://www.voicetv.co.th/content/18272/ตรระบุคนร้ายใช้M67ดัดเเปลงระเบิดบิ๊กซี


พยานผู้เห็นเหตุการณ์การเสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมฯเผยวินาทีที่กระสุนคร่าชีวิตอาสาพยาบาล 2 คน ใต้เต้นท์ ติดตามได้จากรายงาน

http://www.voicetv.co.th/content/18271/พยานในวัดปทุมฯระบุกระสุนมาจากที่สูง

โชว์เดี่ยวละครใบ้ และเก็บตกสีสันกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง



ประมวลภาพบรรยากาศกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง ที่สวนลุมพินี กับการเต้นแอโรบิคหมู่และไฮไลท์เดี่ยวละครใบ้ โดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์

กิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง วันที่ 25 กรกฎาคม 2553 เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. ผู้ร่วมกิจกรรมทยอยเดินทางมาถึงพร้อมสัญลักษณ์เสื้อสีแดง หลายคนพากันเพนท์หน้าตาคล้ายผี เพื่อใช้ในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ตามวัตถุประสงค์หลักของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง

กิจกรรมแรก เริ่มด้วยการแอโรบิคขยับแข้งขยับขา โยกย้ายตัวไปตามจังหวะเพลง 'แดง แดง แดง' ที่มีท่าประกอบเสียดสีเหตุการณ์และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญในเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ที่ขี่รถจักรยานยนต์และเฝ้าสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่

ส่วนกิจกรรมไฮไลท์อีกหนึ่งกิจกรรม คือการแสดงเดี่ยวละครใบ้ของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ริเริ่มกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง ที่สะท้อนภาพเหตุการณ์การเข้าสลายการชุมนุมของรัฐบาลเมื่อช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคมที่ผ่านมา

ส่วนกิจกรรมครั้งต่อไปของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง จะจัดในวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคมนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 17.00 น.

http://www.voicetv.co.th/content/18242/โชว์เดี่ยวละครใบ้และเก็บตกสีสันกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผลการเลือกตั้งเขต 6 : เงื่อนไขความขัดแย้งที่ไม่เปลี่ยนแปลง



ผลการเลือกตั้งเขต 6 : เงื่อนไขความขัดแย้งที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ผลการเลือกตั้งเขต 6 อย่างไม่เป็นทางการ ไม่ว่าใครจะชนะ แต่ผลที่ออกมาสามารถสะท้อนให้เห็นทั้งสองฝ่าย และมีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดจากคะแนนที่ได้รับ กับการเลือกตั้งที่อยู่ภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ

นพ.ประเวศ วะสี สัมมนาเมื่อวานนี้เรื่อง 'เพื่ออนาคต ถอดโจทย์ประเทศไทย สู่เส้นทางปฏิรูป' ที่มี นายจรัญ ภักดีธนากุล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ร่วมสัมนาโดยใช้หัวข้อ 'จะปฏิรูป ต้องอยู่ในสปิริตประชาธิปไตย...'

http://www.voicetv.co.th/content/18208/ผลการเลือกตั้งเขต6เงื่อนไขความขัดแย้งที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ระเบิดหน้าห้างฯบิ๊กซีเสียชีวิต 1 ราย



เหตุระเบิดหน้าห้างฯบิ๊กซี ถนนราชดำริเมื่อวาน ผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลรวม 9 ราย เสียชีวิต 1 ราย

เกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าป้ายรถประจำทางหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนราชดำริ โดยเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและเก็บชิ้นส่วนต้องสงสัย บริเวณรอบที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปตรวจสอบร่วมกับพยานบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบเศษขยะกระจัดกระจาย โดยขณะนี้ ได้ปิดการจราจรบนถนนราชดำริทั้งสองฝั่ง ช่วงบริเวณแยกราชประสงค์ ถึงแยกประตูน้ำ

พยานบุคคลในพื้นที่ พบนายอุไร เวียงสงค์ อายุ 52 ปี ที่ประกอบอาชีพขายเครื่องดื่มอยู่ห่างกับบริเวณที่เกิดเหตุไม่เกิน 10 เมตร บอกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา ประมาณ 17.30 นาฬิกา ขณะที่เขากำลังขายของตามปกติ จากนั้นได้เกิดเสียงดังขึ้น จึงนึกไปว่าเป็นเสียงยางรถระเบิด แต่หลังจากก็เกิดเหตุชุลมุน โดยประชาชนที่อยู่รอบพื้นที่ ต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

จากเหตุระเบิดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนราชดำริ ทำให้มีผู้บาดเจ็บถูกนำแยกส่งโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลหัวเฉียว รวม 9 ราย ได้แก่นายสมชาย เอี่ยมประชา อายุ 31 ปี,นายสมใจ พันทิมา อายุ 30 ปี ,นางสาวชานุ สัญชาติพม่า อายุ 24 ปี ,นายชนาภัทร ตั้งศิริพานิช อายุ46 ปี ,นายวีระศักดิ์ แซ่แต้ อายุ40 ปี ,นายธวัชชัย ทองมาก อายุ 51 ปี, นางสาวมุฑิตา เฉลิมประพาส อายุ 46 ปี,นายบุญเรือง แก้วสมบัติ อายุ 51 ปี และนายปวร พรนิเพท อายุ 17 ปี

ล่าสุด นายธวัชชัย ทองมาก อายุ 51 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง หลังจากได้นำตัวเข้ารักษาในห้องไอซียู โรงพยาบาลตำรวจ โดยแพทย์จะแถลงรายละเอียดสาเหตุการเสียชีวิตในวันพรุ่งนี้(26ก.ค.)

http://www.voicetv.co.th/content/18219/ระเบิดหน้าห้างฯบิ๊กซีเสียชีวิต1ราย

เมื่อจอมมารตอแหลสอนประชาชน



http://www.voicetv.co.th/content/18216/นายกฯแนะคนไทยใช้ศีล5นำชีวิต

เรียกร้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ



พรรคแนวร่วมสังคมประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะเห็นว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ์ประชาชน

http://www.voicetv.co.th/content/18212/เรียกร้องยกเลิกพรกฉุกเฉินฯ

ปากคำพยานสังหาร 6 ศพวัดปทุมฯ



รายงานพิเศษขอคืนพื้นที่ความจริงเมษา-พฤษภา53วันนี้นำพยาน2คนที่อยู่ที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้นจนผู้ชุมนุมกลับบ้านมาบอกเล่าสิ่งที่เห็น

http://www.voicetv.co.th/content/18210/ปากคำพยานสังหาร6ศพวัดปทุมฯ

กิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง



รายงานบรรยากาศการจัดกิจกรรมของกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง บริเวณสวนลุมพินี โดยคุณอาทิตย์ บุญรอด ผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวี

http://www.voicetv.co.th/content/18209/กิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง

บึ้มซุกถุงขยะป้ายรถเมล์BigCราชดำริสาหัส1เจ็บ8



เกิดเหตุระเบิดที่ป้ายรถเมล์บิ๊กซีราชดำริ เจ็บสาหัส 1 รายบาดเจ็บ8ราย ตำรวจรุดสอบด่วน คาดคนร้ายซุกระเบิดไว้ในถุงขยะป้ายรถเมล์

วิทยุสื่อสารตำรวจ 191 แจ้งเหตุระเบิดบริเวณถุงขยะข้างป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังสาขาราชดำริ ตรงข้ามเซ็นทรัลเวิล์ด เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยส่วนใหญ่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ ขณะเดียวกันยังมีรถยนต์และรถเมล์ซึ่งจอดติดอยู่บนถนนใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหายด้วย ล่าสุด ตำรวจ สน.ลุมพินีท้องที่เกิดเหตุและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีการปิดการจราจรบางส่วน

ทั้งนี้ พื้นที่เกิดเหตุเคยเป็นสถานที่ชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนั้น เหตุระเบิดครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ และมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6

ความคืบหน้าล่าสุด มีผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวทั้งหมด 8 ราย ซึ่งเป็นประชาชนที่ยืนรอรถเมล์อยู่ขณะนั้น และมีคนขับรถเมล์รวมทั้งชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย โดยมีอาการสาหัส 1 ราย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ปิดการจราจรใกล้พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาชนิดและเขม่าระเบิดต่อไป

http://www.voicetv.co.th/content/18205/บึ้มซุกถุงขยะป้ายรถเมล์BigCราชดำริสาหัส1เจ็บ8

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เซ็นเซอร์ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแตกแยกมากกว่าปรองดอง



การเซ็นเซอร์และกดขี่เพิ่มความเกลียดชังในหมู่พวกที่ต่อต้านรัฐบาลอยู่แล้ว การใช้อำนาจพิเศษเพิ่มความไม่ไว้วางใจในรัฐบาล

กระบวนการยุติธรรมปกติไม่ได้ทำงาน ไม่ตอบสิ่งที่ค้างคาใจประชาชน อย่างการเสียชีวิตของคน 90 คนจากเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม รัฐบาลขี่ช้างจับตั๊กแตน จับกุมเปะปะ อย่างกรณี นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ นายนที สรวารี ตลอดจนนักเรียนที่เชียงราย สังคมที่ถูกจำกัดความคิด เวลาระเบิดจะรุนแรง

http://www.voicetv.co.th/content/18169/เซ็นเซอร์ภายใต้พรกฉุกเฉินแตกแยกมากกว่าปรองดอง

สดุดีอาสาพยาบาล “กมนเกด อัคฮาด”



นางสาวกมนเกด อัคฮาด อาสาสมัครพยาบาล วัย 25 ปี ซึ่งเสียชีวิตขณะปฎิบัติหน้าที่ในวัดปทุมวนาราม

http://www.voicetv.co.th/content/18159/สดุดีอาสาพยาบาล“กมนเกดอัคฮาด”

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปิดใจนักข่าวอิสระ ยื่นฟ้องนายกฯและพวก



เปิดใจนักข่าวอิสระ ยื่นฟ้องนายกฯและพวก กรณีสั่งทหารยิงกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงที่ช่องท้องขณะบันทึกภาพ

http://www.voicetv.co.th/content/18116/เปิดใจนักข่าวอิสระยื่นฟ้องนายกฯและพวก

รณรงค์ 'ที่นี่มีคนตาย' ผ่านเฟซบุ๊ค



คนไทยในต่างประเทศเข้าร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวของกลุ่มคนวันอาทิตย์สีแดง ภายใต้โครงการผู้ชุมนุมถูกยิงตายในประเทศไทย

http://www.voicetv.co.th/content/18113/รณรงค์ที่นี่มีคนตายผ่านเฟซบุ๊ค

สมาคมวิทยุชุมชนโลก เรียกร้องไทยหยุดคุกคามวิทยุชุมชน



สมาคมวิทยุชุมชมโลกเรียกร้องรัฐบาลไทย ยกเลิกการปิดกั้นสื่อวิทยุชุมชนในไทย ตามอำนาจของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

http://www.voicetv.co.th/content/18082/สมาคมวิทยุชุมชนโลกเรียกร้องไทยหยุดคุกคามวิทยุชุมชน

ตอนที่ 5 'อัครเดช ขันแก้ว' ผช.พยาบาล ที่ช่วยจนนาทีสุดท้าย



การจากไปของ 'อัครเดช ขันแก้ว' ทำให้โลกของครอบครัวขันแก้วดับมืดลง

http://www.voicetv.co.th/content/18077/ตอนที่5อัครเดชขันแก้วผชพยาบาลที่ช่วยจนนาทีสุดท้าย

เชื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น



หลังจากคกก.ปฏิรูปประเทศไทย ยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลายฝ่ายเห็นว่า ทำให้การเมืองดีขึ้น

http://www.voicetv.co.th/content/18066/เชื่อยกเลิกพรกฉุกเฉินบรรยากาศบ้านเมืองดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปิดใจนักศึกษาเชียงราย ถูกจับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน



เปิดใจนักศึกษาที่ถูกตำรวจจังหวัดเชียงรายเรียกไปสอบปากคำหลังจัดกิจกรรมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในพื้นที่ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

http://www.voicetv.co.th/content/18048/เปิดใจนักศึกษาเชียงรายถูกจับตามพรกฉุกเฉิน

ความเห็นสื่อต่างประเทศต่อไทยภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน



สื่อต่างประเทศส่วนใหญ่เห็นว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้ไทยล้าหลัง และภาพลักษณ์ประเทศเสียหายจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม

http://www.voicetv.co.th/content/18041/ความเห็นสื่อต่างประเทศต่อไทยภายใต้พรกฉุกเฉิน

เยาวชนเรียกร้องสังคมปกป้องสิทธิแสดงความเห็น



ในอดีตเยาวชนเป็นความหวังในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคม แต่เมื่อพวกเขาแสดงออกสิ่งที่ได้รับคือ สังคมปล่อยให้พวกเขาโดดเดี่ยว

http://www.voicetv.co.th/content/18038/เยาวชนเรียกร้องสังคมปกป้องสิทธิแสดงความเห็น

ทูต5ประเทศชมนิทรรศการ '7วัน 7ความเจ็บปวดปชช.'



พรรคเพื่อไทยให้การต้อนรับเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ที่เข้ามาร่วมชมงานนิทรรศการรำลึก ‘7 วัน 7 ความเจ็บปวดของประชาชน’

http://www.voicetv.co.th/content/17999/ทูต5ประเทศชมนิทรรศการ7วัน7ความเจ็บปวดปชช

ศาลรับคดีฟ้อง 'นายก-สุเทพ' สั่งสลายม็อบแดง



ศาลอาญารับคดีนักข่าวอิสระฟ้องนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 13 คน สั่งสลายม็อบเสื้อแดง นัดไต่สวนมูลโจทก์ 13 ก.ย.นี้

http://www.voicetv.co.th/content/17997/ศาลรับคดีฟ้องนายก-สุเทพสั่งสลายม็อบแดง

ตอนที่ 4 'มงคล เข็มทอง' สละชีวิตเพื่อช่วยชีวิต



ใครเป็นคนยิง? และ ยิงทำไม? กลายเป็นคำถามที่ครอบครัวเข็มทองต้องการคำตอบ หลังต้องสูญเสียสมาชิกคนสำคัญในวัดปทุมวนาราม
รายงานพิเศษ ชุด ขอคืนพื้นที่ความจริง 'เมษา-พฤษภา53' ตอนที่ 4 'มงคล เข็มทอง' สละชีวิตเพื่อช่วยชีวิต

วันนี้ (22 ก.ค.53) พบกับเรื่องราวของนายมงคล เข็มทอง อาสากู้ภัยปอเต็กตึ้ง วัย 36 ปี ที่ยอมสละความสุขและอุทิศชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น การเสียชีวิตของเค้าในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทำให้ความหวังของพ่อที่ต้องการจะพึ่งพิงยามแก่ชราหมดลงไปด้วย

ติดตามได้จากรายงานพิเศษ ชุด ขอคืนพื้นที่ความจริง 'เมษา-พฤษภา53' เวลา 19.00 - 20.00น. ในรายการ VOICE NEWS ทางวอยซ์ทีวี

http://www.voicetv.co.th/content/17994/ตอนที่4มงคลเข็มทองสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิต

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วรวรรฒน์ ทรรศกลอน #1

วาทกรรม ปรองดอง อันสุดหรู

มันควรคู่ ฆาตกร อย่างนั้นหรือ

ฆ่าเค้าเสร็จ ป้ายผิด ไม่หารือ

ปรองดองคือ ปิดบัง หวังลืมเลือน

เก้าสิบศพ ร่ำร้อง ระงมไหว

แว่วเสียงไป ตามสายลม ดุจเสมือน

เสียงเพรียกนี้ จะยังอยู่ หลายปีเดือน

คอยย้ำเตือน อภิสิทธิ์ ฆาตรกร

ตอนที่ 3 บัณฑิตใหม่ 'จบชีวิต' เพราะขอคืนประชาธิปไตย



นายอัฐชัย ชุมจันทร์ บัณฑิตนิติศาสตร์วัย 29 ปี จบชีวิตในวัดปทุมวนาราม เพียงเพราะต้องการเรียนรู้ประชาธิปไตยจากเหตุการณ์จริง

รายงานพิเศษ ชุด ขอคืนพื้นที่ความจริง 'เมษา-พฤษภา53' ตอนที่ 3 บัณฑิตใหม่ 'จบชีวิต' เพราะขอคืนประชาธิปไตย

วันนี้ (21ก.ค.53) พบกับเรื่องราวของบัณฑิตนิติศาสตร์หนุ่มวัย 29 ปี จากรั้วรามคำแหง ที่ต้องการเรียนรู้ประชาธิปไตยจากเหตุการณ์จริง แต่เคราะห์ร้ายต้องจบชีวิตในวัดปทุมวนาราม โดยที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปถ่ายรับพระราชทานปริญญาบัตรของตัวเอง

http://www.voicetv.co.th/content/17936/ตอนที่3บัณฑิตใหม่จบชีวิตเพราะขอคืนประชาธิปไตย

ปฏิบัติการใช้กำลังทหาร...หลักการดีแต่ปฏิบัติล้มเหลว ?



เปิดบทวิเคราะห์ปฏิบัติการใช้กำลังทหารในการสลายการชุมนุมเสื้อแดง อ้างอิงตามหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

คุณขวัญระวี วังอุดม นักสิทธิมนุษยชน ผลสรุปปฏิบัติการใช้กำลังทหารในการสลายการชุมนุมเสื้อแดง อ้างอิงตามหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ คือ หลักการดีแต่ปฏิบัติล้มเหลว เมื่อวิเคราะห์จากกราฟแสดงสาเหตุการเสียชีวิตของเหยื่อความรุนแรงจะพบว่า มีการยิงโดยไม่เลือกเป้าหมาย ใช้สัดส่วนกำลังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ขาดการควบคุมอย่างระมัดระวัง และขาดความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติการที่ละเมิด

นักสิทธิมนุษชน ขอให้ผู้เสียหายทั้ง ญาติผู้สูญหาย บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมตัวกันเพื่อร้องเรียนผ่านกลไกด้านสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่ของสหประชาตชาติด้านสิทธิมนุษยชน

http://www.voicetv.co.th/content/17927/ปฏิบัติการใช้กำลังทหารหลักการดีแต่ปฏิบัติล้มเหลว

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตอนที่ 2 'สุวัน ศรีรักษา' หนึ่งในการ์ด นปช. ที่ถูกลืม



ครอบครัวศรีรักษาใช้เงินกว่า 30,000 บาท สร้างอนุสรณ์แด่ 'สุวัน ศรีรักษา' เพื่อเชิดชูความดีและความกล้าหาญในฐานะวีรชน

ประชาชนตายจากการสั่งการฆ่าของอภิสิทธิ์

ทหารแม่นปืนโดยการสั่งการฆ่าของอภิสิทธิ์

คำให้การของผู้ที่ผ่านเหตุการณ์สั่งการฆ่าของอภิสิทธิ์

ทหารโดยการสั่งการฆ่าของอภิสิทธิ์ยิงอาสาฯ



เหตุเกิดที่บ่อนไก่ ถนนพระราม4 ทหารยิงชาวบ้าน เจ้าหน้าที่วชิรพยาบาลเข้าไปช่วยก็ยังยิงเจ้าหน้าที่ด้วย

“หากห้ามฉันคิด...ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน”



นักต่อสู้เชิงสัญลักษณ์กับการย้ำเตือนเจตจำนงค์ในการต่อสู้และปลุกขวัญคนเสื้อแดงที่จมอยู่ในความโศกเศร้าในแคมเปญ "วันอาทิตย์สีแดง"

สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด และอดีตประธานมูลนิธิกระจกเงา เจ้าของวาทกรรม “ห้ามฉันพูด ฉันก็จะพิมพ์ ห้ามฉันพิมพ์ ฉันก็จะเขียน ห้ามฉันเขียน ฉันก็จะคิด ห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน” สมบัติได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อเกิดเหตุการณ์การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และได้นำสีแดงมาใช้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ในนามของคน “เสื้อแดง” การเข้าร่วมการต่อสู้กับคนเสื้อแดง เขายึดแนวทาง สันติวิธี และการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ โดยมีแคมเปญ “วันอาทิตย์สีแดง” เพื่อเเสดงออกตามแนวทางสันติ และเป็นรูปเเบบการเเสดงออกด้วยข้อเท็จจริงในเรื่องของผู้เสียชีวิตเเละผู้บาดเจ็บที่ไม่ถูกนำขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม
ภายหลังเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 และ 19 พฤษภาคม 2553 เขาได้เดินทางไปผูกผ้าสีแดงบริเวณป้ายแยกราชประสงค์ โดยเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กระชับพื้นที่ ที่นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ

การแสดงออกของ สมบัติ บุญงามอนงค์ ทำให้เขาถูกคุมตัวตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยถูกคุมตัวที่ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับสู่ปกติแล้วศาลจึงอนุญาตปล่อยตัว

แนวคิดและการต่อสู้ของ สมบัติ บุญงามอนงค์ สุดท้ายแล้วจะเป็นดั่งคำที่เขาเคยแสดงออกไว้หรือไม่ “หากห้ามฉันคิด ก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน” ติดตามได้ในรายการ Intelligence

http://www.voicetv.co.th/content/17900/“หากห้ามฉันคิดก็ต้องห้ามลมหายใจฉัน”

รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับ FTA มากกว่านี้



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพิ่งเดินทางไปรัสเซียเพื่อปูทางให้มีการเจรจาการค้าเสรี ระหว่างสองประเทศ

หากกระทรวงต่างประเทศให้ความสำคัญกับการเจรจาในลักษณะนี้กับเศรษฐกิจอื่นๆ บ้าง ก็จะช่วยให้ไทยเปลี่ยนสนามรบทางการเมืองเป็นสนามการค้า...

http://www.voicetv.co.th/content/17886/รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับFTAมากกว่านี้

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เสียงสะท้อน..เหยื่อความรุนแรง



นอกจากผู้เสียชีวิต90ราย จากเหตุความรุนแรงทางการเมือง12มี.ค.-19พ.ค.53 ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ2,000คน

แม้ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่จะกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านแล้ว แต่ยังทิ้งร่องรอยความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ คุณสันติพงษ์ อินจันทร์ ได้รับบาดเจ็บถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ตาขวา และคุณรุ่งศักดิ์ เศตะกาญจนาภรณ์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาข้างขวาต้องการให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน และไม่ต้องการให้ใครต้องมีชะตากรรมเหมือนกับพวกเขา

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวชีวิตของ คุณศิริพงษ์ ภู่กลั่น พนักงานส่งของซึ่งพิการมาตั้งแต่กำเนิด แต่โชคร้ายถูกสะเก็ดระเบิดระหว่างที่กำลังขับรถมอร์เตอร์ไซค์ส่งของย่านบ่อนไก่

http://www.voicetv.co.th/content/17761/เสียงสะท้อนเหยื่อความรุนแรง

นายกฯ อย่าหลงกลยุบสภา



นายกฯกรุณาอย่าหลงกลยุบสภา เพราะว่าหากยุบสภา จะเกิดสุญญากาศทางอำนาจ

หากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ และตัดสิทธิ์นายอภิสิทธิ์ จากการเมือง 5 ปี ประเทศก็จะไม่มีนายกฯ รักษาการณ์ ซึ่งอาจจะเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษ...

http://www.voicetv.co.th/content/17802/นายกฯอย่าหลงกลยุบสภา

ตอนที่ 1 ‘รพ สุขสถิตย์’ หนึ่งในวีรชนที่ถูกลืม



การระบุชื่อศพผิดจาก 'รพ สุขสถิตย์' เป็น 'วิชัย มั่นแพ' ทำให้ครอบครัวสุขสถิตย์ต้องร้อนใจนานนับสัปดาห์ ในการตามหาเสาหลักของบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อย่า “Ban” โฆษณา “ขอโทษประเทศไทย”



คณะกรรมการตรวจพิจารณาโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ “แบน” โฆษณาของเครือข่ายพลังบวก

คณะกรรมการตรวจพิจารณาโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ “แบน” โฆษณาของเครือข่ายพลังบวกโฆษณาชุดขอโทษประเทศไทย ของเครือข่ายพลังบวกไม่ได้รับอนุญาตให้แพร่ภาพในสถานีโทรทัศน์สะท้อนให้เห็นถึงการ เซ็นเซอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนต์และสื่อต่างๆ ควรที่จะได้รับ“เสรีภาพ” ทางความคิด โดยให้กฏหมายเป็นตัวตรวจสอบ

และการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 กทม. ระหว่าง นายก่อแก้ว พิกุลทอง (พท.) และ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ (ปชป.)มีผลต่ออนาคตของพรรคเพื่อไทยมากกว่าประชาธิปัตย์ ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งควรออกไปลงคะแนนในวันเลือกตั้ง...

http://www.voicetv.co.th/content/17753/อย่า“Ban”โฆษณา“ขอโทษประเทศไทย”

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏการณ์ “มาร์ค V11” : การเมืองไล่ล่าแม่มด?



วิทวัส ท้าวคำลือ หรือ มาร์ค V11 ผิดหรือที่โพสท์ข้อความบนเฟสบุ๊คตัวเอง มีการโต้ตอบและแสดงออกทางการเมือง ก่อนเข้าร่วมแข่งขัน

http://www.voicetv.co.th/content/17698/ปรากฏการณ์“มาร์คV11”การเมืองไล่ล่าแม่มด

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คงพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทำให้ ปชป. ได้เปรียบการเลือกตั้งซ่อม



การที่รัฐบาล คงพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไว้ในเวลานี้และ สกัดไม่ให้นายทุนพรรคเพื่อไทยทำธุรกรรมทางการเงินเลย ถือเป็นการช่วยนายพนิช

http://www.voicetv.co.th/content/17351/คงพรกฉุกเฉินทำให้ปชปได้เปรียบการเลือกตั้งซ่อม

ไม่มีความยุติธรรมจากรัฐบาล



อ.ธีระ สุธีวรางกูล เชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้ความยุติธรรมจากรัฐ ทั้งๆที่รัฐเป็นคู่กรณี

http://www.voicetv.co.th/content/17309/ไม่มีความยุติธรรมจากรัฐบาล

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แก้ปัญหาแบบลับ ลวง พราง

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กระทบต่อ ความมั่นคงของประเทศ ระยะหลังๆชักจะมั่ว อย่างกรณี คุณเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายกฯ ออกมาปูดข่าวแผนตากสิน 2 นั่นปะไร แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักการเมืองมืออาชีพและพฤติกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นเช่นนี้เอง

อย่าว่าแต่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ หรือแม้แต่ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ นายอำเภอยังงงกับข่าวของโฆษกนายกฯ ก่อนที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไปก็ควรจะปฏิรูปคนรอบตัวก่อน ทั้งโฆษกประจำตัว ทั้งโฆษกรัฐบาล คุณ ปณิธาน วัฒนายากร แข่งกันปล่อยข่าวเรียกเรตติ้งน่าดู

กระทบต่อความน่าเชื่อถือของนายกฯเอง

มีอะไรหลายอย่างที่ลับ ลวง พราง กันเหนือเมฆ ลวงกันไป ลวงกันมา จนคนจับโกหกได้ ก็ไม่รู้ว่าบรรดาผู้อาวุโสของประเทศทั้งหลายที่ออกมารับหน้าสื่อเป็นคณะกรรมการฟอกความผิดชุดต่างๆ ให้ตอนนี้จะร่วมชะตากรรมอย่างไรกับนายกฯอภิสิทธิ์บ้าง ก็ไม่อยากเห็นว่าสุดท้ายตกที่นั่งเดียวกับ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ที่มาช่วยสอบเรื่องทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งที่กระทรวงสาธารณสุข

ถูกฟ้องโดยอดีต รมว.สาธารณสุขและข้าราชการในกระทรวง

พฤติกรรมเช่นนี้บั่นทอนภาวะผู้นำและความน่าเชื่อถือไปเยอะเมื่อคนในประเทศไม่เชื่อว่าจะปฏิรูปได้จริง รัฐบาลก็ไม่ต้องไปขยันโปรโมตตัวเองว่าประเทศนั้นประเทศนี้หนุนแนวทางการปฏิรูปของรัฐบาล วันนี้ ที่ดีที่สุดคือรัฐบาลควรจะปฏิรูปความน่าเชื่อถือต่อคนไทยก่อนจะดีกว่า

ไม่ใช่พายเรือให้โจรนั่งแต่อย่านั่งเรือโจร

การทุจริตคอรัปชัน การละเมิดสิทธิมนุษยชน ความเป็นนิติรัฐ ไม่ใช่แค่ลมปากหรือการสร้างภาพ แต่ต้องจับต้องพิสูจน์ได้เป็นรูปธรรม เอาแค่เรื่องกองทัพกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รัฐบาลก็พูดไม่เต็มปากแล้ว คนรอบตัวนายกฯก็ไม่ใช่ย่อย ถ้าจะเล่นไปถึงองค์กรก็ต้องกรณีกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท และเงินบริจาคเข้าพรรค 258 ล้านบาท

ขว้างงูไม่พ้นคอ

การคอรัปชันเชิงนโยบายก็ดี การวางแผนวางกับดักทางการเมืองไว้จนเปรอะไปหมดก็ดี หรือแม้แต่มาตรฐานทางกฎหมายและการบริหารที่ไม่มีมาตรฐาน รัฐบาลชุดนี้จะต้องตอบคำถามทั้งหมดให้ได้ก่อน โดยเฉพาะการสลายการชุมนุมจนมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ไม่ใช่เอะอะก็โยน ผู้ก่อการร้าย ชายชุดดำ ดูหน่อมแน้มไปหน่อย ผู้ต้องหาหลายรายกลายเป็นแพะเป็นเหยื่อเกมชิงอำนาจของรัฐบาล แต่บางรายออกมาลอยนวลนอกคุก จะมีคำอธิบายอย่างไร

ถ้าไม่ใช่การเมืองลับ ลวง พราง.

หมัดเหล็ก

http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/95375

ถ้าประชาธิปัตย์ถูกยุบ

มวลสมาชิก ส.ส.กรรมการบริหารพรรค ตลอดจนบรรดาผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย คงจะรู้สึกหนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน หลังจากที่คณะทำงานร่วม กกต.และอัยการสูงสุด เห็นพ้องกันว่าควรเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีรับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอโพลีน จำกัด และเตรียมเสนอนายทะเบียนพรรคเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

เงินบริจาค 258 ล้านบาท นับเป็นคดีที่สองที่ กกต.และอัยการสูงสุดเห็นว่าควรเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ก็ได้เคยมีความเห็นให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ไม่ตรงกับความเป็นจริง ขั้นต่อไปเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดว่าควรยุบพรรคหรือไม่?

มีหลายประเด็นที่ศาลจะต้องพิจารณาและวินิจฉัย เช่น กระบวนการยื่นคำ ร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ถูกต้องหรือไม่? การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ (ตั้งแต่ปี 2548) ผิดกฎหมายพรรคการเมือง 2541 และ 2550 หรือไม่? และถ้ายุบพรรค กรรมการบริหารพรรคจะถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เหมือนกับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพรรคอื่นๆหรือไม่?

โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนาซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แสดงความเห็นว่า กรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ใกล้ถึงจุดสุดท้ายแล้ว และกลัวว่าจะเป็นสายล่อฟ้าทางการเมือง เพราะจะมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม และคงจะมีการนำไปขยายผลทางการเมือง แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ และกรรมการพรรคถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จะมีผลกระทบรุนแรง

พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่ เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด และรอดปากเหยี่ยว ปากกามาหลายทศวรรษแล้ว ถ้าคราวนี้ถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งทั้งคณะ จะไม่กระทบแต่พรรคประชาธิปัตย์ แต่จะกระทบถึงสถานการณ์การเมืองของประเทศโดยรวม เพราะกรรมการพรรคหลายคนเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ที่สำคัญที่สุด คนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่เกิดเรื่องเงินๆทองๆในพรรค แม้นายกฯอภิสิทธิ์อาจจะไม่รู้เห็นในการรับหรือใช้จ่ายเงิน แต่ก็อาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแบบเหมารวมทั้งคณะ ต้องพ้นจากนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ต้องห้ามการเมืองถึง 5 ปี ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ หรืออาจเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ แล้วแต่เสียงข้างมากในสภา

ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ต้องพ้นจากตำแหน่ง ไม่ทราบว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะมีเสียงข้างมากในสภาหรือไม่? เพราะจะต้อง เสีย ส.ส.ที่เคยเป็นกรรมการพรรคประชาธิปัตย์ ไปหลายคน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่สำเร็จ ก็อาจจะเป็นทีของพรรคเพื่อไทย ที่อาจตั้งรัฐบาลเพื่อนายใหญ่ได้ โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงจัดการชุมนุม แต่ก็จะต้องระวังการแทรกแซงของพลังนอกสภาไว้ด้วย.

http://www.thairath.co.th/column/pol/editor/95352

'สุขุมพันธุ์'ยันเป็นกลาง ปัดช่วยปชป.หาเสียง

ผู้ว่าฯกทม.ยืนยันในการวางตัวเป็นกลาง ทางการเมือง โดยไม่เคยให้เอกสารใดๆไปกับทางพรรคประชาธิปัตย์และเรื่องดังกล่าวตนไม่มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจง.....

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.กล่าวถึงกรณีที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ผู้อำนวยเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เตรียมยื่นเรื่องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)หลังจากที่พบว่าทีมหาเสียง ของนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 6 แทนตำแหน่งที่ว่าง พรรคประชาธิปัตย์ ได้แจกเอกสารแนะนำตัวแนวไปกับวารสารของกรุงเทพมหานครว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ และทางพรรคเพื่อไทยที่จะต้องชี้แจงส่วนตัว ตนยืนยันในการวางตัวเป็นกลาง ทางการเมือง โดยไม่เคยให้เอกสารใดๆไปกับทางพรรคประชาธิปัตย์ และเรื่องดังกล่าวตนไม่มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจง ทั้งนี้ตนไม่ทราบเจตนาของนายวิชาญกับกรณีดังกล่าว.

http://www.thairath.co.th/content/pol/95598

บิดเบือนราคา“น้ำมัน-แอลพีจี”

พลังงานถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเกี่ยวโยงกับกิจกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชนหรือธุรกิจ นับวันความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยพยายามแก้ปัญหาด้านราคาควบคู่กับการรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานกันอย่างเต็มที่ แต่พลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ประเทศไทยไม่ได้ผลิตเอง ทำให้ไม่สามารถกำหนดราคาตามต้นทุนการผลิตได้

ที่เห็นได้ชัดเจนคือก๊าซแอลพีจี แม้ไทยจะผลิตเองได้แต่ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการใช้ในการขนส่ง ผลพวงราคาน้ำมันแพงทำให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซแอลพีจีแทน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีนโยบายปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีใหม่

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้เร่งศึกษาการใช้มาตรการลดค่าครองชีพในระยะยาว โดยในส่วนของก๊าซแอลพีจีมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ศึกษาโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีว่าสามารถแยกเป็น 2 ราคาคือ ภาคครัวเรือนกับภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้หรือไม่ เพราะมองว่าในฐานะที่ไทยเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติประชาชนควรได้ใช้ทรัพยากรของประเทศในราคาต้นทุน ขณะที่ผู้ประกอบการที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ควรใช้ในราคาตลาดโลก

ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เห็นด้วยหากรัฐบาลจะปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี โดยกำหนดเป็น 2 ราคาคือ 1.กลุ่มราคาขนส่งและอุตสาหกรรม 2.กลุ่มราคาอุตสาหกรรมและปิโตรเคมี เนื่องจากช่วยชะลอการนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศได้ เพราะหากจะใช้นโยบายตรึงราคาต่อเนื่องอาจทำให้ปริมาณการนำเข้าสูงถึง 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะสร้างภาระให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการจ่ายชดเชยการนำเข้าในแต่ละเดือน

ทั้งนี้ การตรึงราคาก๊าซเป็นปัญหาต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล ซึ่ง ปตท. ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติพร้อมจะดำเนินการตามนโยบาย แต่หากไม่ปรับโครงสร้างราคาเลยปริมาณการนำเข้าจะเพิ่มขึ้น เงินที่ต้องนำไปอุดหนุนราคาไม่ได้มาจากภาครัฐโดยตรง แต่มาจากประชาชนที่เรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำมันในแต่ละลิตร ขณะที่การลงทุนโรงแยกก๊าซแห่งใหม่และปิโตรเคมีคงไม่มีใครกล้าเข้ามาลงทุนเพิ่ม เพราะอาจเจอกับปัญหาขาดทุน

ปัจจุบัน ปตท. เป็นผู้รับภาระนำเข้าก๊าซแอลพีจี โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะจ่ายชดเชยให้ ซึ่งกองทุนน้ำมันยังมีภาระหนี้เก่าค้างจากปีก่อนๆประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งภาระนำเข้าก๊าซแอลพีจีแต่ละปีอยู่ที่ 15,000-20,000 ล้านบาทต่อปี จากยอดนำเข้าประมาณ 120,000-150,000 ตันต่อเดือน หรือ 1.5 ล้านตันต่อปี หากรัฐยังไม่ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี โดยยังตรึงราคาหน้าโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และกำหนดราคาขายปลีก 18.13 บาทต่อกิโลกรัมต่อไป บนสมมุติฐานโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 หากเปิดดำเนินการได้อาจช่วยลดการนำเข้าให้ต่ำกว่า 100,000 ตันต่อเดือนได้บ้าง แต่ในภาพรวมตลอดทั้งปีการนำเข้ายังสูงถึง 1 ล้านตันต่อปี เพราะยอดการใช้ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และการลักลอบส่งออกชายแดนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดใช้เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบด้านระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของทั้งประชาชนและรัฐบาลมากเกินไป โดยนายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดนโยบายการแยกราคาก๊าซแอลพีจีเป็น 2 ตลาด ซึ่งคงต้องดูว่าจะใช้วิธีไหนที่ทำให้ภาคครัวเรือนใช้ก๊าซแอลพีจีในราคาต้นทุนได้บ้าง หากจะเลือกวิธีการดังกล่าวจะนำมาใช้หลังจากครบกำหนดมาตรการตรึงราคาก๊าซแอลพีจีในเดือน ก.พ. 2554

“ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าราคาภาคครัวเรือนจะแพงหรือถูกกว่าราคาที่ตรึงไว้ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม คงต้องดูถึงผลการศึกษาอีกครั้ง ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาเรื่องการแยกราคาก๊าซแอลพีจีเตรียมไว้ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมในทุกๆด้าน พร้อมกันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ”

สำหรับข่าวดีด้านราคาน้ำมัน หลังจากนายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามารับตำแหน่งก็มีนโยบายปลอบขวัญประชาชนในภาวะที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นจากไข้ บวกกับราคาสินค้าแพงมาก โดยจะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกลดลงประมาณ 2 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มต่างๆที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งเกษตรกร ชาวประมง และประชาชนทั่วไป โดยใช้วิธีการต่างๆในฐานะเป็นกรรมการในคณะอนุกรรมการน้ำมันใน กพช. เพื่อเสนอที่ประชุมหาแนวทางดำเนินการลดราคาน้ำมัน

“ผมอยู่ในวงการน้ำมันมา 20 ปี รู้ว่ามีช่องทางที่จะลดได้ โดยจะพยายามเสนอ แต่ต้องยอมรับว่าวิธีที่ปล่อยให้ลอยตัวเป็นสากลมากกว่า รัฐบาลไม่ควรไปกำกับ แต่สำหรับเมืองไทยแล้วบางช่วงควรปล่อยให้รัฐเข้าไปแทรกแซงบ้าง เพราะเราเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมาก” นายมั่นกล่าวด้วยความมั่นใจ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่เหมาะที่จะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดังนั้น แผนดังกล่าวคงต้องชะลอออกไปก่อน แต่หากน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราคาดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 30 บาทต่อลิตร คาดว่านายกรัฐมนตรีคงจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง

สำหรับผลพวงของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่สูงขึ้น ทำให้มีปัญหาลักลอบนำเข้าน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านมีราคาถูกกว่า และช่วงหลังมักมีการลักลอบนำเข้าในปริมาณมากขึ้น รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบหลากหลาย ทำให้กรมสรรพสามิตต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้ทันขบวนการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนที่ทำกันถึงขั้นขุดเจาะอุโมงค์เลยทีเดียว

ส่วนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยังคงเกินเป้า โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. จัดเก็บได้ 340,000 ล้านบาท ดังนั้น ช่วงที่เหลืออีก 3 เดือนน่าจะจัดเก็บภาษีได้เกินเป้าที่ 3.66 ล้านบาท คาดว่าจะจัดเก็บภาษีได้ประมาณ 370,000-380,000 ล้านบาท หรือเกินเป้า 80,000-90,000 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้หลักมาจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันจัดเก็บได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จากเดิมจัดเก็บได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 150,000 ล้านบาท รวมถึงภาษีรถยนต์ เพราะไทยสามารถผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกได้ถึง 800,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 600,000 คัน

นอกจากยี้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจยังมอบหมายให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานร่วมกันศึกษาลดภาษีสนับสนุนการผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันอี 85 เพราะปัจจุบันมีแผนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานรูปแบบต่างๆ กระทรวงการคลังจึงตั้งคณะทำงานศึกษามาตรการทางภาษีสนับสนุนรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ ไฮบริด น้ำมันอี 20 อี 85 ดังนั้น จึงต้องศึกษาทั้งระบบเพื่อให้สอดคล้องกัน

มาถึงตรงนี้แล้วประชาชนทั้งหลายอาจจะฝันค้างกันอีกพักใหญ่ เพราะนโยบายแยกราคาก๊าซแอลพีจีและลดราคาน้ำมันในประเทศยังเป็นเพียงแผนเชิงความคิด ยังต้องผ่านกระบวนการทางความคิดอีกพอสมควร ซึ่งจะว่าไปแล้วทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ต่างทำใจรับสภาพน้ำมันมีราคาแพงได้บ้างแล้ว เกรงว่าการบิดเบือนราคาน้ำมันเพื่อให้ถูกลงจะทำให้เกิดภาวะช็อกกับราคาตามความเป็นจริงเมื่อรัฐบาลหมดแรงอุ้มในอนาคตขึ้นมาอีก

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=7256

“มาร์ค 100 ศพ”

เป็นไปตามที่วาดไว้เมื่อรัฐบาล “มาร์ค 100 ศพ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินหน้าต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะนายกฯพูดในที่ประชุม ครม. ว่าต้องคงไว้เพราะกลัวว่าคนเสื้อแดงจะฟื้นตัวเร็ว

*** นี่หรือคำกล่าวของคนเป็นผู้นำประเทศที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองต่างหากที่ผลักดันให้เขาเหล่านั้นเกิดความเกลียดชังจนตัวเองไปไหนมาไหนต้องมีคนคอยอารักขามากกว่า 100 คนแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

*** ชัดเสียยิ่งกว่าชัดเมื่อ “มาร์ค เอเอฟ 7” วิทวัส ท้าวคำลือ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัววิพากษ์วิจารณ์โจมตี “มาร์ค 100 ศพ” ที่สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ส่งผลให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากอย่างชัดถ้อยชัดคำที่สุด แล้วนายจะว่าอย่างไรเนี่ย “มาร์ค”

*** ส่วนรายนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งเสื่อมจนจะกลายเป็นโรคอัลไซเมอร์เข้าไปทุกทีเพราะวัยใกล้แซยิด ตั้งแต่ครั้งออกมาบอกว่ารัฐบาลสมัครไม่เคยใช้ทหาร เห็นคำสั่งอยู่ทนโท่แต่ก็แกล้งไม่รู้เรื่องในบางขณะได้ นี่แหละคนอย่าง “ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ลืมเฉพาะเรื่องที่จะทำให้ตัวเองหลุดจากเก้าอี้ และที่น่าเสียใจคือขังลืมผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่เป็นคนไทยด้วยกัน

*** แต่เก้าอี้เพื่อนรักอย่าง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ว่ากันว่าใกล้หลุดเต็มที เพราะดันทำให้เพื่อน “ป๊อก” เคืองจากการไม่ยอมรับการใช้กำลังสลายประชาชน นี่หรือทหารไทยที่ชอบใช้แต่กำลัง

*** ส่วนรายนี้บ้าอำนาจหนักขึ้นเรื่อยๆ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. ไม่รู้เป็นอะไรให้ ศอฉ. เรียก “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย มาให้ปากคำ โดยบอกว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่เห็นว่านายพร้อมพงศ์พูดจามีเจตนาทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมืองก็เข้าข่ายผิดกฎหมาย จะดำเนินคดีกับนายพร้อมพงศ์ ไม่ลองหันไปดูปากตัวเองหน่อยหรือไงครับว่าวันๆพูดความจริงกี่ประโยคกัน

*** ไม่น่าสงสารเท่าไร เพราะวันนี้ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อ้อนกลางวงประชุมงบประมาณว่าดีเอสไอจะทำหน้าที่เป็นคนกลางให้ดีที่สุด แล้วพฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรครับท่าน

*** นี่ก็เสียงดังฟังชัด พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดชัดเลยว่าอยากเป็น ผบ.ตร. จนตัวสั่น ไม่อายเลยว่าอยากได้ใคร่ดี ดังนั้น ใครมาเป็นนายเรียกใช้ผมได้ครับ นี่หรือตำรวจไทย

*** ส่วนเรื่องการจับผู้ต้องหา “อ้อ” หรือนางวริศรียา บุญสม และ “อ้าย” นายกอบชัย บุญปลอด ในคดีวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบคดีดังกล่าวให้ดีเอสไอไปแล้ว ไปถามนายธาริต เพ็งดิษฐ์ จะดีกว่า เรื่องนี้ตำรวจไม่มีอำนาจสอบสวนอีกแล้วเพราะโยนขี้ออกไปแล้วจ้า

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=7259

ไล่ล่าเข่นฆ่าเพื่อครองอำนาจ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน เห็นว่าการที่รัฐบาลยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เท่ากับเป็นการยืนยันที่จะอยู่ในอำนาจจนกว่าจะหมดวาระ อย่างไรก็ตาม คนเสื้อแดงก็ยังมีการเคลื่อนไหวตลอด แม้จะถูกไล่ล่าแต่ก็ไม่กลัวถ้าทำแล้วประเทศเป็นประชาธิปไตยก็ยอม ที่เหลืออ่านต่อดังนี้

ศอฉ. จัดชุดไล่ล่าคนเสื้อแดง

อย่างที่ผมได้อธิบายมาตลอดว่าถ้ารัฐบาลบอกว่าตัวเองถูกคนจะลอบทำร้ายนั่นหมายถึงพวกผมที่ต้องระวังตัว เพราะรัฐบาลพูดอย่างนี้ฝ่ายที่ตายคือฝ่ายผมทุกครั้ง ฉะนั้นการไล่ล่าของรัฐบาลเป็นพวกอื่นไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการโดนยิงตายของแกนนำโคราชที่รู้จักในนาม “อ้วน บัวใหญ่” ที่จนป่านนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ในขณะที่พยานคนเดียวก็ไม่กล้าออกมาพูดอะไรเพราะกลัวอำนาจมืดที่คอยไล่ล่าทุกวัน หรือแม้กระทั่ง “การ์ดพัทยา” หรือการ์ดของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ชื่อ“น้ำหวาน” อดีตจ่าอากาศหน่วยคอมมานโด ก็เป็นความตายที่เป็นปริศนา เป็นฆาตกรรมอำพรางทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแกนนำทุกจังหวัด ทุกกลุ่มใน 400 กลุ่ม ถูกไล่ล่าเหมือนกันหมด

พวกเราเองก็รู้ว่าเวลานี้แค่ทำหน้าที่รักษาลมหายใจก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่การกดขี่ของรัฐบาล การไล่ล่าของรัฐบาล การที่รัฐบาลปากบอกปรองดองแต่พฤติกรรมปองร้าย เท่ากับไปสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนผู้รักความยุติธรรม ซึ่งไม่เฉพาะคนเสื้อแดงเท่านั้น เพราะคนไทยไม่ชอบให้ใครไปรังแกกัน ยิ่งรังแกมากเท่าไรคนจะมีความรู้สึกว่าไปรังแกอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างไร เพราะฉะนั้นถามว่า ณ ขณะนี้คนเสื้อแดงอยู่อย่างไร ก็ตกอยู่ในสถานะของคนที่มีความรู้สึกเจ็บปวด สูญเสีย แต่ก็ยังเป็นคนเสื้อแดงอยู่

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมได้อธิบายกับสื่อมวลชนต่างประเทศไปเหมือนกันว่าคนเสื้อแดงอยู่นิ่งๆก็ถือเป็นการเคลื่อนไหวแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปชุมนุมเหมือนเดิม เพราะรู้ว่าถ้าไปชุมนุมก็ต้องมีการฆ่าเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นขณะนี้เพียงแค่เรามีโอกาสได้พูดความจริงบ้าง มีโอกาสได้ปรับทุกข์ มีโอกาสให้กำลังใจซึ่งกันและกันมันก็มากแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงมีโอกาสได้เจอกันในงานทำบุญ ครั้งนี้คงมีโอกาสได้เจอกันในสนามการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 กทม. เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ก็เป็นโอกาสของพวกเราที่จะได้พบปะกัน เพราะฉะนั้นการนำความทุกข์มาปรับกันและมีโอกาสได้อธิบายความจริงให้ประชาชนที่ไม่ได้มีโอกาสอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ผมเชื่อว่าความจริงจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

มีคนจ้องปองร้ายรัฐบาล

การออกมาบอกเช่นนี้ของคนที่เป็นผู้นำตำรวจอย่าง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อความคิดเห็นและการนำเสนอตรงนั้นคือการหาเหตุของรัฐบาลเท่านั้นคือ 1.เป็นการหาความชอบธรรมสำหรับการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2.เป็นการกลบการใช้งบประมาณจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท ในการฆ่าประชาชน 3.เป็นการอนุมัติงบประมาณในการซื้อรถกันกระสุนและรถต่างๆเพิ่มเติม การจัดกำลังเพิ่มเติม ทั้งหมดเป็นมายาภาพทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการกุข่าวหรือแม้แต่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ที่ความจริงเป็นพวกรัฐบาลชุดนี้ 100% ยังไม่เชื่อเลยว่าข่าวลอบสังหารมีจริง เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครไปทำอะไรนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยกเว้นขบวนรถจะขับชนกันเอง

เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าเป็นการกุข่าว เป็นการเรียกร้องความสนใจ เหมือนกับการยิงถังน้ำมันเปล่า น่าแปลกตรงที่ว่ามีถังน้ำมันอยู่ 10 ถัง ในนั้นมีน้ำมัน 9 ถัง แต่ไปเลือกยิงถังน้ำมันเปล่า หรือแม้กระทั่งระเบิดรถขายผลไม้ข้างพรรคภูมิใจไทย เพราะที่ผ่านมาผมเจอแกนนำแหลมฉบังเขาไม่รู้จักการ์ดคนนี้เลย เพราะฉะนั้นทั้งหมดจึงอธิบายความได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล ซึ่งยิ่งสร้างความเจ็บแค้นให้กับประชาชนมากขึ้น เพราะประชาชนในที่สุดก็รู้ความจริง

จะคง พ.ร.ก. ไว้นานหรือไม่

รัฐบาลจะทำอะไรก็ได้ไม่มีปัญหา จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ตลอดชาติก็ได้ ในเมื่อผมอธิบายชัดเจนว่าในภาคใต้ 6-7 ปีมาแล้ว 3 จังหวัดชายแดนบวกอีก 5 อำเภอ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นาทวี จะนะ เทพา สะบ้าย้อย ถามว่าทำไมปัญหาจึงไม่จบล่ะ ดังนั้น พ.ร.ก. ฉบับนี้เนื้อหาเหมือนกันหมดทุกอย่าง ฉบับเดียวกันหมดงบไปเกือบ 200,000 ล้านบาท ตายกว่า 4,000 คน บาดเจ็บเป็นหมื่น ถามว่าจบหรือไม่

เพราะฉะนั้นการตรึง พ.ร.ก. ไม่ได้เป็นการตอบว่าเป็นการจบปัญหา จะทำให้รัฐบาลมีความรู้สึกว่าตัวเองมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่ถามว่าถ้าสำเร็จจริงทำไม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เสียงปืนจึงไม่สงบล่ะ ความตายจึงไม่เคยหยุด เพราะฉะนั้นความสงบก็เกิดขึ้นมาไม่ได้จากการใช้ พ.ร.ก.

วันนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้ว่า กทม. จะไม่มีปัญหาเหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการสร้างสถานการณ์ก็เห็นว่ามีร่องรอย อาชญากรไปทำเหตุที่ใดก็มักทิ้งร่องรอยอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นผมเห็นว่าการดำรงอยู่ของรัฐบาลซึ่งเวลานี้เข้าใจว่าอยู่ได้เพราะ พ.ร.ก. ความจริงไม่ใช่ ประชาชนคนไทยเขาเกลียดที่สุดคือการโกหก ยิ่งจัดฉากสร้างสถานการณ์ใส่ร้าย และผมเชื่อที่สุดก็จะตรึง พ.ร.ก. ไว้ตลอดรัฐบาลชุดนี้ แต่ไม่มีวันรักษาอำนาจได้ และไม่มีใครไปทำอะไรรัฐบาลชุดนี้ เพราะคนที่ทำรัฐบาลชุดนี้คือตัวรัฐบาลเอง

ศาลว่า ศอฉ. ไม่ผิดกฎหมาย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เลือกที่จะไม่พูดคำพิพากษาทั้งหมด คืออย่างนี้ ของผมมี 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งศาลแพ่งวินิจฉัยชัดเจนว่าจะต้องสลายการชุมุนมโดยยึดหลักสากล ครั้งที่ 2 ผมไปขอคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้มีการล้อมปราบ ครั้งที่ 2 ไม่อนุญาตก็ต้องดำเนินการตามหลักสากล ไม่มีคำวินิจฉัยอันใดบอกว่าไม่มีความผิด ที่ไปตีความมันเห็นแก่ตัว มันก็มีอยู่แล้วในมาตรา 17 ว่าต้องเป็นการกระทำตามเหตุผล 1 2 3 4

แสดงว่านายสุเทพโกหก

ก็อาจจะสร้างความสุขให้กับนายสุเทพไป เพราะความจริงคือไม่มี พ.ร.ก. ฉบับไหนให้ฆ่าคนตายได้ หรือฆ่าคนบริสุทธิ์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายนี้ทั่วโลก

พ.ร.ก. ฉบับนี้คุ้มครองทั้งหมด

อันนั้นก็เป็นความสุขของคุณสุเทพ คุณสุเทพจะหาความสุขอย่างไรก็เป็นเรื่องของคุณสุเทพ คิดว่านั่นคือความสำเร็จก็ไปสู้กัน เรื่องนี้ถึงศาลโลกอยู่แล้ว ถึงศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นศาลแพ่งไม่ได้อนุญาตให้คุณสุเทพเอา พ.ร.ก. มาเป็นข้ออ้างในการใช้ให้ทหารมาทำร้าย มาฆ่าประชาชน เพราะดูคำวินิจฉัยแล้วไม่มีผู้พิพากษาคนไหนในประเทศนี้บอกว่าฆ่าคนแล้วไม่ผิด คำพิพากษาอันแรกคือต้องสลายตามหลักสากล เราขอคำคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ในครั้งที่ 2 คำพิพากษาแรกยังใช้อยู่ เขาให้สลายการชุมนุมได้แต่ต้องยึดหลักสากล แล้วหลักสากลที่ไหนใช้รถหุ้มเกราะ สไนเปอร์ เอ็ม16 มันไม่มี มันผิดมาตั้งแต่ต้น แต่คุณสุเทพก็เลือกอธิบายดูเหมือนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง สร้างความสุขให้กับคุณสุเทพก็สร้างความสุขไป

จะไม่มีการเลือกตั้งในอีก 3-4 ปี

ตรงนี้ไม่ทราบ เพราะไม่ว่าใครก็ตามคิดอย่างนั้น ใครอยากใคร่ทำอะไรก็ทำกันไปก็แล้วกัน ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดวิบากกรรมคือกฎหมายช้ากว่ากฎแห่งกรรม ผมเชื่อว่าถึงที่สุดจะยื้ออย่างไรก็ตามคณะรัฐประหารในอดีตมีกองกำลังมากมาย ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทัดทานประชาชนได้ ผมก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่าใครก็ตามยิ่งอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและก็ไปทำลายประชาธิปไตย ฆ่าคน ใส่ร้ายประชาชนแบบนี้ และคิดว่าตัวเองจะอยู่ได้ยาวและจะลากไปถึงไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็คิดไปเถอะ เพราะเป็นความคิดของคุณ แต่คุณถามเจ้าของประเทศเขาแล้วหรือยัง ถามเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยเขาแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ให้ความสนใจ คุณอยากจะประกาศ พ.ร.ก. ตลอดก็ประกาศไป แต่ไม่จำเป็นต้องมาสร้างสถานการณ์อะไรเลย

รัฐบาลไม่ยอมรับว่ามีการตาย

นี่คือวิธีคิดของรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งดำเนินคดีก่อการร้ายไง เพราะก่อการร้ายตอนออกหมายจับไม่มีเหตุอะไรเลย ฉะนั้นการเผาตึก ตึกที่ไหม้ใครได้ประโยชน์ ต้องดูประโยชน์ ถามว่าคนเสื้อแดงได้ประโยชน์หรือเปล่า คนเสื้อแดงเสียประโยชน์เพราะถูกมองว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง หากถามว่าใครได้ประโยชน์ ก็คือรัฐบาล เพราะฉะนั้นดูตรรกะเลยว่าเกิดเรื่องอะไร วิเคราะห์ง่ายๆขั้นพื้นฐาน ระเบิดข้างพรรคภูมิใจไทยใครได้ประโยชน์ คนเสื้อแดง หรือภูมิใจไทย หรือรัฐบาลได้ประโยชน์ ตอบว่าภูมิใจไทย รัฐบาลได้ประโยชน์ ใครได้ประโยชน์คือคนนั้นทำ

เพราะฉะนั้นกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมคุยกับเจ้าของเก่า คุณวิรุฬ เตชะไพบูลย์ เรื่องเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เขาก็ระบุเรื่องความผิดปรกติชัดเจน แล้ววันนี้จับใครไม่ได้ ที่จับไปได้ภาพสุดท้ายเขาถือถังดับเพลิงช่วยดับ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถูกนำมาเพื่อกลบความผิดของตัวเอง ถ้าพวกผมเป็นผู้ก่อการร้ายได้ นายอภิสิทธิ์อาจคิดว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากคดีบงการใช้ จ้างวานฆ่า ทั้งที่จริงแล้วคนตาย 80 คน บาดเจ็บ 1,500 คน ยังเป็นประจักษ์พยานอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เชื่อว่าเขาต้องยัดเยียดข้อหานี้เพื่อกลบความผิดของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ตราบใดที่ความยุติธรรมยังไม่มีก็ไม่มีปัญหา วันใดที่ความยุติรรมมี ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องได้รับการปฏิบัติการอย่างยุติธรรม

ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง

ถึงตรงนี้คนเสื้อแดงยังอยู่กันครบ ไม่มีใครบอกว่าหลังการชุมนุมวันที่ 19 พฤษภาคมแล้วได้ลาออกจากการเป็นคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงอยู่ในสภาพของการถูกไล่ล่า ถูกกดดัน บางคนก็ถึงแก่ชีวิตหลังจากนั้น เพราะฉะนั้นภาพต่างๆ เวลานี้อย่าเพิ่งไปคิดเลย คิดเพียงแค่ว่าเวลานี้จะไม่ให้มีคนตายเพิ่มอย่างไร การนิ่ง การสงบ รู้ว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ และควรเอาบทเรียนในช่วงที่ผ่านมาเป็นตัวกำหนดในการตัดสินใจ คนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบจะต้องชุมนุมกันเหมือนเดิม เพียงแต่ช่วยกันพูดทำความจริงให้ปรากฏรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้แล้ว เราก็รู้ว่าถ้าชุมนุมเหมือนเดิมก็จะถูกฆ่าเหมือนเดิม

เพราะฉะนั้นวันนี้เรารู้ว่าเราทำอะไรได้มากแค่ไหน ในความเห็นของผมไม่จำเป็นต้องชุมนุมเลย เพียงแค่ช่วยกันพูดความจริง ขอให้เสียงความจริงมันดังพร้อมๆกันทั้งประเทศนั่นก็คือชัยชนะแล้ว แต่ ณ ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่าหัวใจของคนเสื้อแดงเจ็บปวด ขมขื่น รวดร้าว แต่ก็ยังเป็นคนเสื้อแดงอยู่ ไม่มีการบอกว่าหลังวันที่ 19 พฤษภาคมคนเสื้อแดงจะลดลง ไม่มีใครพูดอย่างนี้สักคน เพราะทุกคนออกจากสนามรบด้วยความเจ็บปวด ด้วยความขมขื่น ด้วยคราบเลือดของเพื่อนที่ได้รับชะตากรรม เพราะนั้นผมยังเชื่อว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ในระยะสั้นคนเสื้อแดงรู้ว่าควรทำอย่างไร และจะใช้ชีวิตภายใต้กติกาที่ชั่วร้ายนี้อย่างไร ในโลกแห่งความเป็นจริงเราก็ต้องรู้เหมือนกันว่าขอบเขตที่สามารถทำได้คืออะไร ซึ่งแน่นอนที่สุดในวันนี้มีโอเอซิสในเขตเลือกตั้งที่ 6 เราก็มีโอกาสไปช่วยเพื่อนเรา ได้มีโอกาสเจอเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยช่วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ได้พบปะกัน แต่ทั้งหมดนั้นเราไม่ควรคิดเกินกว่าความเป็นจริงที่เราสามารถจะกระทำได้

“ก่อแก้ว” เป็นใคร

ผมกับนายก่อแก้วรู้จักกันมาหลายปีเพราะมีอายุเท่ากัน ซึ่งนายก่อแก้วเกิดวันที่ 27 มีนาคม 2508 ส่วนผมเกิดวันที่ 5 ตุลาคม 2508 เป็นเพื่อนกัน มารู้จักสนิทสนมกันตอนเป็นหนุ่มแล้ว ผ่านชีวิตมามากมาย ก็มีความผูกพันกันมาตลอด เพราะฉะนั้นเมื่อพวกผมได้มาตั้งพีทีวีหลังจากมีการยึดอำนาจ ผมก็เป็นคนตามนายก่อแก้วมาร่วมกับพีทีวี และก่อนที่จะมีการยึดอำนาจผมมีโอกาสได้ชักชวนนายก่อแก้วเข้ามาร่วมต่อสู้ทางการเมือง ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในพรรคให้เห็นถึงศักยภาพของนายก่อแก้วที่จบปริญญาตรี ปริญญาโทก็ได้เกียรตินิยม คณิตศาสตร์ก็ได้ที่ 1 ของภาคใต้ ทำธุรกิจก็ประสบผลสำเร็จมากมาย สุดท้ายนายภูมิธรรม เวชยชัย ก็ตั้งให้เป็นที่ปรึกษาและเป็นกรรมการของ ร.ส.พ. (องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์) และให้ไปรักษาการผู้อำนวยการ ร.ส.พ. เป็นคนสุดท้าย เพราะเวลานั้นรัฐบาลมีมติให้ยุบ ร.ส.พ.

พอถูกยึดอำนาจพวกผมก็ลุกขึ้นมาต่อสู้และตั้งพีทีวี ก็ชวนนายก่อแก้ว เขาก็มาทั้งที่ตัวเองก็อยู่ในฐานะที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็มาร่วมการต่อสู้กับผม กับนายณัฐวุฒิ กับนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่ตามมาเพิ่มก็คือนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาโดยตลอด ช่วงจากความจริงวันนี้ก็มีโอกาสที่จะทำตรงนั้นแทนนายณัฐวุฒิ เพราะตอนนั้นนายณัฐวุฒิมีตำแหน่งเป็นโฆษกรัฐบาลทำให้งานค่อนข้างมาก และไม่ค่อยมีเวลามาร่วมงานกันมากนัก แต่ถึงอย่างไรนายณัฐวุฒิก็มาร่วมเป็นบางครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามเกลอความจริงวันนี้ควรจะเป็นสี่เกลอมาตั้งแต่ต้น เพราะนายก่อแก้วก็อยู่ในรายการความจริงวันนี้มายาวนาน และเพื่อนพ้องน้องพี่ก็เป็นสัญลักษณ์ของทั้ง 4 คนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อมีการต่อสู้นายก่อแก้วก็เป็นแกนนำของเราคนหนึ่ง แต่บุคลิกภาพเขาเป็นคนที่มีความสามารถ ความรู้ไปทางวิชาการบ้าง แต่ทั้งหมดมีหัวใจที่รักประชาธิปไตย

ทำไมถึงเจาะจงที่ “ก่อแก้ว”

การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่วันนี้คนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยกลับถูกกล่าวหาว่าก่อการร้าย ถูกจับเข้ากุมคุมขังในเรือนจำ ดังนั้น เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม มีคนอยู่ในเรือนจำที่มีคุณสมบัติพร้อม พรรคเพื่อไทยก็ตัดสินใจส่งลงสมัครทันที ตอนแรกเราคิดถึงนายณัฐวุฒิก่อน เพราะเป็นคนที่ได้รับความรัก ความเชื่อมั่น ความศรัทธาจากคนเสื้อแดงมาก แต่เมื่อดูคุณสมบัติการเรียนในชั้นปริญญาตรี ปริญญาโท ไม่ต่อเนื่องกัน มีการเว้นระหว่างปริญญาตรีและปริญญาโท จึงไม่อยากสุ่มเสี่ยงมาเป็นผู้สมัคร กลัวจะถูกตีความ เมื่อนายณัฐวุฒิมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติก็คิดตรงกับผมและพรรคเพื่อไทยว่าควรเอานายก่อแก้วมาสมัคร เพราะนายก่อแก้วก็อยู่ตกอยู่ในฐานะเดียวกับเพื่อนอีกหลายคน และยังอยู่ในเรือนจำเหมือนกับนายณัฐวุฒิ

การที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายก่อแก้วเป็นผู้สมัครเกิดจากความเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ กล่าวคือ การเลือกนายก่อแก้วเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยเป็นการเปิดโอกาสของคนที่มีหัวใจรักประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง และเป็นการตอบโจทย์ที่สำคัญคือมองเห็นเหมือนกันหมดว่าการส่งนายก่อแก้วถือว่าเป็นการเยียวยาหัวใจของพี่น้องมวลชนคนเสื้อแดง คนที่ไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะไม่มีวันถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคหรือประชาชน เพราะฉะนั้นการลงรับสมัครเลือกตั้งแม้นายก่อแก้วจะไม่มีโอกาสมาหาเสียงแม้แต่เพียงวันเดียว แต่คนที่เป็นเพื่อนเขาไม่ว่าจะเป็นส่วนของพรรค ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. และเพื่อนพ้องน้องพี่คนเสื้อแดงจะทำหน้าที่นี้แทนนายก่อแก้ว ถามว่ามีโอกาสต่อสู้ในการเลือกตั้งหรือไม่ ตอบว่าเขตนี้ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะกันมานานระหว่างพวกเรากับพรรคประชาธิปัตย์ และซีกผมชนะมากกว่าเมื่อเทียบจำนวนครั้ง เพราะฉะนั้นคะแนนมันห่างกันหลักพัน ครั้งที่แล้วประชาธิปัตย์ได้ 2 ผมได้ 1 จาก 3 คน แต่คะแนนที่ 4 ก็ห่างกันนิดเดียว

เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าถ้าพรรคการเมืองใหม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้งผมแบเบอร์ เพราะเพียงแค่พรรคการเมืองใหม่แบ่งไปสักหมื่นพวกผมอาจได้แสนคะแนนใกล้เคียงกันก็ชนะแล้ว แต่เมื่อพรรคการเมืองใหม่ถอนตัวไปก็เป็นหน้าที่ในการลงพื้นที่อธิบายความ เวลานี้จะเทียบเรื่องการเลือกตั้ง สข. (สมาชิกสภาเขต) ที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะเราเลือก สข. จากบรรยากาศหลังจากการล้อมปราบ ส.ส. ถูกอายัดบัญชีหมด และที่สำคัญที่สุดคือแกนนำในพื้นที่ที่ช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งถูกไล่ล่าไม่สามารถช่วยหาเสียงได้ ผิดกับการเลือกตั้ง ส.ส. ในครั้งนี้ เพราะคนนอกพื้นที่ที่เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กับนายก่อแก้วและพวกเราจะเดินทางมาช่วย ส.ส. 189 คนของพรรคก็จะลงไปช่วย สก. (สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร) สข. ก็จะลงไปช่วย เพราะฉะนั้นที่นั่นจะเป็นเหมือนกับโอเอซิสของประเทศไทยที่จะเป็นทะเลหรือเป็นเหมือนบ่อน้ำแห่งความจริง

หากถามว่ามีโอกาสหรือเปล่า ผมบอกได้เลยว่ามีโอกาสมาก ถามว่าเป็นรองมั้ยก็เป็นรอง เพราะ 1.ผู้สมัครไม่มีโอกาสมาหาเสียงได้เลย และ 2.รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายสุเทพบอกว่าถ้าพูดให้แตกแยกก็จะจับกุมทันที ซึ่งการเลือกตั้งรัฐบาลไม่มีสิทธิเลย โดยหลักเป็นหน้าที่ของ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) แต่รัฐบาลยิ่งใช้อำนาจรัฐมากเท่าไรประชาชนยิ่งต่อต้านมากเท่านั้น ผมยังคิดในมุมนี้อยู่นะ คือวันนี้เราเป็นรองเรื่องอำนาจรัฐ 100% กลไกทุกกลไกเราเป็นรอง 100% แต่เราเชื่อว่าเรามีความจริงที่เป็นอาวุธ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะนำไปต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และผมเชื่อว่าความจริงนี่แหละแม้จะเป็นรอง แต่ความจริงจะเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=7207

ค้นหาความหมายจากความตาย 90 ศพ

“ตวงพร อัศววิไล” สัมภาษณ์ “รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล” นักวิชาการจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ในรายการ Intelligence ทาง VoiceTV เพื่อ “ค้นหาความหมายจากความตาย 90 ศพ” จากการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเหตุการณ์เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการคืนความยุติธรรมให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่รัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง จึงทำให้มีการตั้งคำถามถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่แทบไม่ปรากฏเป็นข่าวใดๆออกมาเลย ต่างกับเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ซึ่ง รศ.ดร.กฤตยาเคยทำงานอยู่ในศูนย์ฮอตไลน์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีการจัดตั้งองค์กรร่วมภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อติดตามการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหาย โดยความร่วมมือของกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานทางการแพทย์ ทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบโปร่งใส

เชิงอรรถความตาย

ในบทความที่ดิฉันเขียน ดิฉันตั้งชื่อ “เชิงอรรถความตาย” เนื่องจากการเสียชีวิต การบาดเจ็บในกรณีความไม่สงบในการชุมนุมทางการเมืองของประเทศไทยมีมาหลายครั้ง เรื่องราวของผู้สูญเสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นในเชิงอรรถ ไม่ได้มีสาระสำคัญมากนักในการบันทึกประวัติศาสตร์ แล้วการบันทึกประวัติศาสตร์ในทั่วโลกเป็นประวัติศาสตร์ของผู้ชนะ เพราะผู้ชนะเป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ เหตุที่ดิฉันลองศึกษาเรื่องนี้ดูก็เป็นเหตุผลเดียวคืออยากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากเคยทำงานเป็นผู้ประสานงานศูนย์ฮอตไลน์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นศูนย์ร้องเหตุเรื่องราวเกี่ยวกับผู้สูญเสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้สูญหาย และเป็นศูนย์เดียวที่ทำงานต่อเนื่องมาประมาณปีเศษ จนมีเอกสารทางวิชาการออกมาสรุปให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ดำเนินงาน

แต่คราวนี้เราไม่มีศูนย์แจ้งเหตุเหมือนสมัยปี 2535 หลังจากเหตุการณ์สงบลงมีศูนย์รับแจ้งเหตุทั้งหมด 8 ศูนย์ รวมกับของมหิดล หลายศูนย์เป็นของมหาวิทยาลัย เช่น รามคำแหง จุฬาฯ มหิดล สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) มีมูลนิธิเด็กมาช่วยกันทำ มีของมหาดไทยด้วย ดิฉันตั้งข้อสังเกตประการแรกว่าในกรณีความไม่สงบ หรือดิฉันเรียกเองว่าเป็นการปราบปรามประชาชน ศูนย์รับแจ้งเหตุเหล่านี้ของภาครัฐหรือของมหาวิทยาลัยไม่มี มีเฉพาะศูนย์รับแจ้งเหตุของมูลนิธิของเรากับอีกหนึ่งแห่ง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นคณะทำงานเกี่ยวกับมนุษยชนอีกแห่งหนึ่งหรือ 2-3 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคประชาชนเท่านั้น แล้วตัวเลขที่นำมาใช้เป็นตัวเลขที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติประมวลรวมมาจากเอกสารของโรงพยาบาลต่างๆที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ ซึ่งเป็นข้อมูลคร่าวๆมาก ไม่ได้เป็นข้อมูลที่มีรายละเอียดเท่าไร

ไม่มีข้อมูลการชันสูตรพลิกศพ

สมัยพฤษภา 2535 การเสียชีวิตมีการบันทึก การชันสูตรอยู่ในเกณฑ์ที่คิดว่าพอรับได้ มีบันทึกแพทย์ทำให้เห็นแผลแต่ละแผล มีมุม มีลักษณะที่ถูกยิง ปืนที่ใช้ยิงเป็นลักษณะแบบไหน อย่างไร เป็นการจ่อยิง เป็นบาดแผลอย่างไร สมัยนั้น ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ทำการวิเคราะห์เอกสารที่ชันสูตรศพ 39 ศพ จากทั้งหมด 44 ศพ แล้วก็มีบันทึกที่นำเอามาใช้ได้ ในขณะนั้นอาจารย์วิฑูรย์บอกว่ายังไม่สมบูรณ์ ควรจะต้องปรับปรุง แต่เหตุการณ์นั้นผ่านมา 18 ปี สิ่งที่น่าตกใจในเชิงระบบการแพทย์เองก็ไม่มีบันทึกที่ครบสมบูรณ์ อย่างน้อยถ้าเทียบกับปี 2535 ตอนนั้นยังมีมากกว่า

เป็นคำถามสำหรับหน่วยแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติก็จะแบ่งได้เป็น 3 กรณีคือ 1.ศพส่งที่ไหนแล้วก็ชันสูตรที่นั่น ซึ่งการชันสูตรเป็นแบบไหนเขายังไม่เห็นเอกสาร เขาเพียงแต่เขียนว่าชันสูตร 2.ศพส่งไปที่ไหนแล้วไปชันสูตรอีกที่หนึ่ง และ 3.ไม่มีข้อมูลชันสูตรศพเลย ประมาณ 1 ใน 3

ทีนี้ที่น่าสนใจคือ ศพที่ถูกยิงในเหตุการณ์และเสียชีวิตในวันที่ 10 เมษายน ซึ่งมีทั้งหมด 26 ศพ บอกว่ามีการชันสูตรศพ แต่พอหลังจากนั้นคือหลังวันที่ 28 เมษายนที่มีการปะทะกันบนถนนวิภาวดีรังสิต แล้วมีทหารเสียชีวิตนายหนึ่งซึ่งบอกว่ายิงกันเอง ก็ไม่มีการชันสูตรศพ แล้วมาวันที่ 13 พฤษภาคม วันที่ เสธ.แดงถูกยิง จนมาถึงวันที่ 19 และ 20 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิตอีก เอา 26 ลบ 90 ทั้งหมดนี้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้นที่มีการชันสูตรศพ อันนี้เป็นคำถามของวิธีการว่าเกิดอะไรขึ้นถึงไม่มีการชันสูตรศพที่เหมาะที่ควร ที่สามารถจะใช้เป็นหลักฐานได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นลักษณะความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน

อันนี้สิ่งที่เราต้องเรียกร้องจากผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องว่าข้อมูลเหล่านี้ ข้อมูลที่จะช่วยทำให้ภาพชัดเจน เพื่อช่วยคืนความยุติธรรม ถ้าไม่สามารถทำได้ในวันนี้ก็อาจทำได้ในวันข้างหน้า แต่น่าเสียดายว่าถ้าเราไม่ได้ทำ ศพต่างๆก็มีการฌาปนกิจไปแล้วส่วนใหญ่ การที่เราจะได้ข้อมูลเหล่านี้ก็มีน้อยหรือไม่มีเลย จะเป็นการเจตนา เป็นการจงใจหรือไม่ เราไม่ทราบ แต่เราในฐานะที่ทำงานด้านมนุษยชน เรามีความรู้สึกว่าภาครัฐหรือทางการแพทย์ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ดิฉันไม่รู้ว่าจะไปเรียกร้องใคร จะไปเรียกร้องแพทย์ฉุกเฉินหรือไปเรียกร้องใครไม่รู้

การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร

จริงๆเหตุการณ์นี้มีความน่าสนใจและมีความประหลาดในแง่การเสียชีวิต หน่วยกู้ภัยอย่างน้อยมีวชิระ 1 ราย ป่อเต็กตึ๊ง 2 ราย มีน้องเกดที่เป็นอาสาสมัครพยาบาลที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ทั้งหมดรวม 5 ศพ แล้วยังมีคนที่ถูกยิงบาดเจ็บทั้งสาหัสและไม่สาหัสประมาณ 10 กว่าคน คำถามคือทำไมเมื่อมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เรามีทหารจำนวนมาก กระบวนการเหล่านี้ซึ่งรัฐบาลประกาศเองว่าจะเบาไปหาหนัก ทำไมไม่มีกระบวนการของผู้ที่จะเข้าไปทำตรงนี้ จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บ เพราะเขามีเครื่องหมายอยู่ แม้รัฐบาลจะพูดว่าทหารไม่ได้ยิง แต่ใครยิง รัฐบาลต้องทำเรื่องพวกนี้ให้ชัดเจน อันนี้เป็นอันที่หนึ่ง

อันที่สองคือเรามีนักข่าวต่างประเทศที่เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งมีคำถามมากว่าทำไมถึงถูกยิงที่ท้องจนเสียชีวิต อีกรายเป็นนักข่าวอิตาลี ยังไม่รวมนักข่าวที่บาดเจ็บทั้งไทยและต่างประเทศอีกหลายราย อันนี้ก็ตั้งคำถามมากว่าเกิดอะไรกับนักข่าวซึ่งเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งก็แปลกเหมือนกัน

กระบวนการปรองดอง

มีกลไกที่ต้องทำต่อเนื่องและทำได้เลย เพียงแต่กลไกเหล่านั้นถ้าทำจริงเขามีโอกาสที่จะพูดไหม ดิฉันยกตัวอย่างอันอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เช่น สมมุติมีไข้หวัดนก ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุขทำงานเลย ไม่รอรัฐบาลสั่ง เพราะรอไม่ได้ อันนี้ก็เหมือนกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลไกที่เกี่ยวข้องต้องทำงานทันที ไม่ต้องรอให้รัฐบาลสั่ง เหล่านี้เขาทำหรือไม่ อันนี้เราไม่ทราบ

วาทกรรมผู้ก่อการร้าย

กรณีวันที่ 10 เมษายนมีความชัดเจนว่ามีผู้เจตนายิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใจว่าอย่างนั้น ไปตกที่โรงเรียนสตรีวิทยา ทำให้ทหารเสียชีวิต 5 นาย อันนี้ก็เป็นเรื่องซึ่งรัฐบาลจะต้องสืบสวนสอบสวนออกมาว่าใคร แล้วเหตุการณ์วันที่ 10 นั้นเองก็มีภาพปรากฏที่เรียกกันใส่ในเครื่องหมายคำพูดว่าเป็น “ชายชุดดำ” แมนอินแบล็กเหมือนหนังฮอลลีวู้ดออกมา แล้ววันที่ 12 เมษายน ศอฉ. ก็ประกาศเลยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย คำว่า “ผู้ก่อการร้าย” มาถูกใช้หลังวันที่ 10 เมษายน หลังจากที่มีการล้อมปราบครั้งแรก ถ้าสมมุติไปอ่าน พ.ร.ก.ฉุกเฉินในมาตราใดมาตราหนึ่งจะมีการพูดถึงสถานการณ์เหล่านี้ว่า ถ้ามีผู้ก่อการร้ายก็สามารถทำอะไรต่ออะไรได้เยอะ เพราะฉะนั้นดิฉันเข้าใจว่าผู้คิดคำนี้ขึ้นมา ซึ่งเราเรียกว่า “วาทกรรมผู้ก่อการร้าย” ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการจะล้อมปราบปราม หรือการที่จะมีการสูญเสียเกิดขึ้น

สังคมไทยได้เรียนรู้อะไรบ้าง

อันที่จริงถ้ามีการชุมนุมในลักษณะนี้ดิฉันเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่มีผู้เสียชีวิต ถ้าดิฉันเป็นผู้ชุมนุมเอง ดิฉันคงเลิกชุมนุม พูดตรงไปตรงมาเลย ถ้าดิฉันเป็นแกนนำ นปช. แต่ปรากฏว่าไม่มีการเลิกชุมนุม ในฐานะที่เป็นรัฐบาล ดิฉันก็คิดว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะยิงประชาชน และไม่เห็นด้วยกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือยังไงรัฐบาลจะใช้มาตรการอย่างที่เคยพูดว่าจากเบาไปหาหนัก แต่วันที่ 10 เมษายนยังมีการใช้แก๊สน้ำตา มาตรการรัฐบาลใช้หนักมากแล้วก็หนักขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่มาตรการเบาไปหาหนัก และไม่มีที่ไหนในโลกเอาป้ายไปติดไว้ว่า “ตรงนี้ใช้กระสุนจริง” ซึ่งพอหลังจากติดไปแล้วก็ดึงออก คงคิดได้ ตรงนี้โดยสถานการณ์แล้วสำหรับดิฉันมีความรู้สึกว่ามันเกินกว่าเหตุ

การค้นหาความหมายการบาดเจ็บล้มตาย

ที่บอกว่าข้อมูลไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกิดขึ้นวันที่ 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 พฤษภาคม ขาดความชัดเจน เป็นความพร่าเลือน เป็นข้อมูลที่เราไม่เห็นภาพจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทุกอย่างรัฐบาลก็โยนด้วยการใช้คำว่า “ผู้ก่อการร้าย” ประหนึ่งเหมือนกับว่าทุกชีวิตที่สูญเสียไปในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งซึ่งผู้ก่อการร้ายทำ กระสุนปืนที่เบิกออกมาจากคลังของกองทัพจำนวนเป็นหมื่นนัดที่ถูกยิงไปจากกระบอกปืนของทหาร มีนักข่าวต่างประเทศถ่ายไม่ได้ออกโทรทัศน์ไทย ไปออกโทรทัศน์ต่างประเทศจำนวนมาก เหมือนว่ากระสุนเหล่านั้นไม่ได้ไปทำร้ายชีวิตของผู้ชุมนุมเลย ซึ่งในข้อเท็จจริงและโดยอนุมานจากสายตาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งของการเสียชีวิตมาจากกระสุนปืนที่มาจากฝ่ายทหารของรัฐบาลที่ล้อมปราบ

แตกต่างจากพฤษภาคม 2535 อย่างไร

มีความแตกต่างกันมาก รวมทั้งกรณีผู้สูญหายด้วย เนื่องจากมีการประชุมของกระทรวงมหาดไทยและของกรมตำรวจในสมัยนั้นชัดเจน แล้วก็มารวมกับศูนย์ฮอตไลน์ทีหลังเพื่อค้นหาความกระจ่าง มันมีความชัดเจนและทำมาต่อเนื่อง คือแม้ว่าจบโครงการไปแล้ว แต่เข้าใจว่ารัฐบาลสมัยคุณทักษิณก็ยังมาตั้งอดีตนายกฯอานันท์เพื่อตามเรื่องผู้สูญหายอีก ซึ่งตอนนั้นก็ทำกันอยู่ ดิฉันก็เข้าไปเป็นอนุกรรมการอยู่ช่วงหนึ่ง รวมทั้งค่าชดเชยที่ให้อย่างไม่เป็นธรรมในอดีตก็กลับมาแก้ไข ชุดนั้นคุณหมอประเวศเป็นประธานอนุกรรมการก็มาทำ

ดิฉันเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องทำ คือจริงๆแล้วเงินช่วยเหลือมีประโยชน์สำหรับคนที่สูญเสียชีวิตไป แต่สิ่งที่เขาต้องการมากกว่านั้นคือให้เงินน้อยแล้วยังไม่ให้ความชัดเจนกับการเสียชีวิตของแต่ละคน ดิฉันเข้าใจว่าญาติต้องการความชัดเจนมากกว่า

เปรียบเทียบกับผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้

ดิฉันเข้าใจว่า “ผู้ก่อการไม่สงบ” เป็นการคิดอย่างใคร่ครวญรอบคอบถึงคนที่เขาพูดถึง ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่ภาคใต้หมายถึงว่าเขาไม่ต้องการแยกคนเหล่านั้นออกไปจากสังคมไทย เพราะฉะนั้นเขามองว่าคนเหล่านั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย เราอาจเห็นต่างเห็นแย้งกับภาครัฐในการใช้ภาษา แต่เมื่อใช้ “ก่อการร้าย” มันมีลักษณะของความเป็นศัตรูชัดเจนกว่า เหมือนกับผลักเขาออกไป มีจริงหรือไม่มีจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งข้อเท็จจริงความหมายของ “ผู้ก่อการร้าย” มันมากกว่านั้น ต้องมีการจัดตั้งกองกำลัง ต้องมีการประกาศ ผู้ก่อการร้ายทุกแห่งในโลกนี้พอทำอะไรจะต้องประกาศออกมาว่าฉันเป็นคนทำ ยกตัวอย่างเช่นการระเบิดรถไฟที่สเปนมีคนตายเป็นร้อย เขาประกาศเลยกลุ่มฉันเป็นคนทำ เพราะเขาต้องการเครดิตในการต่อสู้ หรือในอุดมคดี หรือในประเด็นที่เขาต่อสู้อยู่

ของเราไม่ปรากฏ ของเราไม่มีใครออกมาประกาศว่าฉันเป็นกลุ่มนี้ ฉันทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีใครประกาศเลย เหมือนเป็นตุ๊กตาที่ถูกสร้างจากฝ่ายรัฐบาล ดิฉันคิดว่าถ้ารัฐบาลเชื่อว่ามีผู้ก่อการร้ายจริง รัฐบาลจะต้องทุ่มสรรพกำลังลงไปสืบสวนสอบสวนให้ได้ว่ามีผู้ก่อการร้ายจริง ไม่อย่างนั้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อสังคมไทย ไม่ใช่ปล่อยไปเฉยๆ ไม่ใช่พอเหตุการณ์จบลงไปก็หายไปตามสายลม

ถ้าเราทำอย่างนั้นก็แสดงว่าอีกหน่อยรัฐบาลจะพูดอะไรก็ได้ ขณะนี้ ศอฉ. ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้กระทำการหลายอย่างที่ละเมิดสิทธิคนอื่น ยกตัวอย่างเช่นผังล้มเจ้า ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากที่เอาชื่อคนนั้นคนนี้ไปใส่ปะปนกันโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน การจะยึดโยงคนเหล่านี้เข้าด้วยกันไม่มีเอกสารอะไรสักชิ้นหนึ่ง ไม่มีอะไรเลย อยู่ดีๆก็ทำผังขึ้นมา ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับดิฉัน แล้วเป็นเรื่องที่คนทำงานเกี่ยวกับเรื่องเชิงความลับ หรือหน่วยงานสายลับต่างๆ เขามองก็ขำว่ารัฐบาลทำอันนี้ขึ้นมาด้วยความตั้งใจจริงๆ ผังนี้หรือคำว่าก่อการร้าย ศอฉ. ต้องถามตัวเองให้มากๆว่าทำเพื่ออะไร ใช้เพื่ออะไร แล้วจะให้จบแบบไหน

วาทกรรมกับการล้อมปราบ

ในข้อเท็จจริงสำหรับดิฉันแล้ว เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนถือเป็นการล้อมปราบ แล้วเหตุการณ์วันที่ 13-19 พฤษภาคมถือเป็นการปราบปรามประชาชน การที่รัฐบาลใช้คำว่า “ขอคืนพื้นที่” หรือ “กระชับวงล้อม” เป็นภาษาเบาเพื่อทำให้เห็นว่าการที่รัฐบาลทำกับ นปช. ไม่ได้เกินกว่าเหตุ จึงใช้คำว่า “กระชับวงล้อม-กระชับพื้นที่” ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วจะเรียกอะไรก็ตาม แต่เป็นความต้องการที่จะทำกึ่งๆสงคราม คือมีการเอาถุงทรายมาทำเป็นบังเกอร์เต็มไปหมด ซึ่งเหตุการณ์สงบไปตั้งเป็นเดือนแล้วก็ยังอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วภาษาที่รัฐบาลใช้กับสิ่งที่รัฐบาลปฏิบัติมันสวนทางกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าก่อการร้าย เมื่อเป็นก่อการร้ายมาตรการของรัฐบาลจึงหนักแบบนี้ ในสิ่งหรือวิธีคิดที่ ศอฉ. คิดคือรัฐบาลคิด

การปราบปรามจะเป็นบรรทัดฐานใหม่หรือไม่

ดิฉันเกรงว่าจะกลายเป็นมาตรฐานของรัฐบาลพลเรือน ตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ว่าเหตุการณ์ในอดีตส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากรัฐบาลทหาร อันนี้เราเรียกว่าเป็น “รัฐบาลเผด็จการ” ยกเว้นเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นการล้อมฆ่านักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้ถ้าสมมุติว่าสังคมไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่รัฐบาลทำ ต่อไปจะกลายเป็นรัฐบาลพลเรือนที่ปราบปรามประชาชน ใช้ชีวิตของประชาชนเพื่อจะแก้ปัญหาของตัวเอง ซึ่งเราไม่ควรมีบรรทัดฐานแบบนี้เกิดขึ้น

รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลพลเรือนชุดแรกที่มีการปราบปรามประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก เสียชีวิตมากกว่าการชุมนุมทางการเมืองในอดีต เพราะฉะนั้นแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลที่เราเรียกว่ามาจากกระบวนการประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เพราะฉะนั้นถ้ามีการสูญเสียชีวิตจากตัวรัฐบาลเอง นักประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็ต้องตั้งคำถามกับรัฐบาล

การแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง

ดิฉันคงต้องยืมคำของอาจารย์พนัสที่ไปออกรายการทีวี.ตั้งแต่วันที่ 10 เมื่อมีการเสียชีวิต อาจารย์ให้สัมภาษณ์ในช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ก็เลยถามอย่างนี้อาจารย์คิดว่ารัฐบาลควรจะทำอย่างไร อาจารย์ก็ตอบว่าลาออก คือนายกรัฐมนตรีต้องลาออก ดิฉันมองว่ารัฐบาลจะยังอยู่ก็ได้ สำหรับดิฉันนะ จริงๆดิฉันเองโดยส่วนตัวแล้วชอบคุณอภิสิทธิ์ ชอบมานานแล้วด้วย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ดิฉันอยากให้คุณอภิสิทธิ์ลาออก เนื่องจากเราต้องการให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพ สามารถเล่นการเมืองโดยไม่ต้องแปดเปื้อน ไม่ต้องถูกต่อว่าต่อขานในอนาคต

แต่ถ้าไม่ลาออกก็เสียใจ อันนี้เป็นความเสียใจส่วนตัวเท่านั้นเอง แต่โดยหลักการแล้วดิฉันมองว่าถ้าเหตุการณ์มาถึงขนาดนี้ รัฐบาลหรือนายกฯต้องลาออก เราเสียดายว่าไม่น่าจะเป็นมาตรฐานแบบนั้น

วาทกรรมนี้ของ “อภิสิทธิ์”

เป็นนักการเมืองก็ต้องระวังคำพูด เพราะคำพูดของเราเมื่อพูดออกไปแล้วจะเป็นนายเหนือเรา ไม่ใช่เฉพาะอันนี้ ครั้งหนึ่งคุณอภิสิทธิ์เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคุณบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน แล้วคุณอภิสิทธิ์อภิปรายปิดตอนจบ คุณอภิสิทธิ์กล่าวว่าคุณบรรหารเป็นโมฆะบุรุษ ซึ่งคำว่า “โมฆะบุรุษ” แปลว่าอะไร แปลว่าจบ แปลว่าใช้ไม่ได้ พูดง่ายๆก็คือคุณอภิสิทธิ์ว่าคุณบรรหารเป็นนายกรัฐมนตรีที่ใช้ไม่ได้ ในกรณีนี้ดิฉันก็คิดว่าคุณอภิสิทธิ์ก็เป็นโมฆะบุรุษ

เหตุการณ์ 14 ตุลา-พฤษภา 35 ผู้เสียชีวิตได้รับการยกย่องเป็นวีรชน แต่ครั้งนี้จะเรียกอย่างไร

ใครจะเป็นวีรชนหรือไม่ สำหรับดิฉันแล้วต้องให้ประวัติศาสตร์ในอนาคตเป็นผู้ให้คำตอบ ดิฉันไม่ได้คิดว่าใครเป็นวีรชน แต่ผู้ที่เสียชีวิตเรียกร้องตามอุดมการณ์ตามสิ่งที่เขาเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นปี 2535 หรือปี 2553 เขามีสิทธิและมีเจตจำนงในฐานะที่เป็นหนึ่งเสียงของประเทศนี้ที่จะบอกว่าเขาต้องการอะไรก็ไปทำอย่างนั้น แต่เกิดอุบัติเหตุทางชีวิตจากการล้อมปราบ ทำให้เขาเสียชีวิต เขาก็ควรจะถูกโจษจันว่าเป็นผู้เสียชีวิต แต่จะเป็นวีรบุรุษหรือไม่ให้ประวัติศาสตร์เป็นผู้บอก

มองย้อนกลับดูเอกสารประวัติศาสตร์ “พฤษภา 2535” บอกอะไรได้บ้าง

หนังสือเล่มนี้ชื่อ “หาย ตาย เจ็บ ภาพสะท้อน การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนไทย” อันนี้เราจัดทำครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ซึ่งดิฉันเรียกว่า “พฤษภามหาโหด” แต่พฤษภาคมปีนี้ดิฉันเรียก “พฤษภาอำมหิต” คือยิ่งกว่ามหาโหด นอกจากนี้ยังมีการไต่สวนสาธารณะ ซึ่งจัดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะเดียวกันศูนย์ฮอตไลน์มหาวิทยาลัยมหิดล เราเก็บศพไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช 3 ศพ เป็นชายไม่ทราบชื่อ เราพยายามจะหาญาติ เริ่มต้นมีศพไม่ทราบชื่อประมาณสิบกว่าศพ ต่อมาก็เจอญาติไปเรื่อยๆเพราะมีการเอารูปไปประกาศในที่ต่างๆ จัดสัมมนา จัดอะไรไปก็พบไป จนเหลือ 3 ศพ เราก็เก็บไว้นานจนให้ญาติมาดู คนมาดูเยอะก็ยังไม่ใช่ เราก็เลยจัดฌาปนกิจ ซึ่งรัฐบาลและมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นเจ้าภาพ อยากจะเรียนว่ารัฐบาลคุณชวน หลีกภัย ในยุคนั้นเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ด้วย ฌาปนกิจศพชายไม่ทราบชื่อซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535

แต่ในเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 มีผู้เสียชีวิตเป็นชายไม่ทราบชื่อ 5 ราย ในนี้เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน และเป็นหญิงไม่ทราบชื่อ 1 คน ทั้งหมด 6 คน ก็ควรจะมีความพยายามที่จะตามหาญาติให้ได้ กระบวนการตรงนี้เป็นของใครก็ต้องทำ

องค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจมากน้อยขนาดไหนกับวิกฤตการเมืองไทยครั้งนี้

เข้าใจว่าเขาให้ความสนใจอย่างมากเลยทีเดียว อาจารย์ศรีประภา เพชรมีสี ซึ่งเป็นอาจารย์ของศูนย์สิทธิมนุษยชนเพื่อการศึกษาและพัฒนาสังคมของมหาวิทยาลัยมหิดล ท่านเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของอาเซียน ก็ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีให้ยุติการปราบปรามหลังวันที่ 10 เมษายน หมายความว่าหยุดการกระทำที่ทำให้เกิดการสูญเสีย เรียกร้องให้เกิดการเจรจา ซึ่งดิฉันเข้าใจว่ากลุ่มที่ทำงานในภูมิภาคก็สนใจเรื่องนี้มาก เขาอยากจะเข้ามาประเมินสถานการณ์เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนภาคเอเชีย ซึ่งรวมทั้งองค์กรที่เป็นองค์กรใหญ่ก็เข้ามาติดตามสถานการณ์และทำรายงานออกมาเล่มหนึ่งเหมือนกัน ดิฉันเข้าใจว่าในปี 2535 เราให้กรรมการต่างประเทศเข้ามาได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก แต่ปัจจุบันดิฉันเข้าใจว่ารัฐบาลยังมีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเข้ามา สำหรับดิฉันแล้วถ้ามีความเชื่อมั่นว่าเรื่องผู้ก่อการร้าย เชื่อมั่นในสิ่งที่รัฐบาลทำว่าไม่เกินกว่าเหตุ ก็น่าจะอนุญาตให้องค์กรต่างประเทศเข้ามาเป็นกรรมการร่วม หรืออะไรก็ตามแต่

การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การจับกุมแกนนำ หรือผู้ถูกสังหารกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ดิฉันกับคณาจารย์จำนวนมากเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เพราะคิดว่าขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายลงไปแล้ว เนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในมาตรา 17 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่และรัฐบาลอย่างกว้างขวางแล้วมันก็มีความคลุมเครือ ตัว พ.ร.ก. เองก็ไม่พูดว่าอะไรไม่เกินกว่าเหตุ อะไรไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ไม่มีความผิดทางแพ่ง ทางอาญา ทางวินัย

อะไรที่เกินกว่าเหตุ เกินความจำเป็น ก็ให้ดำเนินการฟ้องร้องได้นั้น มันมีเส้นบางมากที่จะบอกว่าอะไรเกินความจำเป็น อะไรเกินกว่าเหตุ การตายในวัดปทุมวนาราม ถ้าสมมุติเป็นเจ้าหน้าที่ทำจริง อันนั้นเกินกว่าเหตุแน่ ถ้ามีการสอบสวนแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่ทำจริง เนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมยุติลงแล้ว แล้วเราก็มีพยานอยู่ในวัดปทุมวนารามเป็นพันที่เห็นว่าผู้เข้าไปอยู่ในวัดไม่มีอาวุธ เรามีพยานทั้งที่เป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวไทย หน่วยกู้ชีพ จนหน่วยกู้ชีพเสียชีวิต มีพระอยู่เต็มไปหมด อันนี้จะบอกได้ถ้ามีการสืบสวนสอบสวนที่จัดตั้งโดยองค์กรอิสระ

การพิสูจน์กระสุนปืนมาจากฝ่ายใด

ในข้อเท็จจริงโดยละเอียดดิฉันคงตอบไม่ได้ แต่อยากจะเรียนว่าคณะที่ทำงานกู้ภัยกู้ชีพ หน่วยฉุกเฉินเหล่านี้เขาร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้มาก เขาไม่มีช่องทางที่จะพูด สื่อโทรทัศน์ซึ่งเป็นฟรีทีวี.ต่างๆไม่เชิญเขาออกไปพูด เขาต้องเดินสายเอง ไปพูดในที่ต่างๆ ผลิตซีดีออกมาเอง ผลิตโปสเตอร์ออกมาให้เห็นว่าการเสียชีวิตของหน่วยกู้ชีพพวกนี้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะฉะนั้นตรงนี้มีผู้ซึ่งพร้อมจะให้ปากคำอยู่แล้ว มีแต่หนังสือพิมพ์ที่ช่วยเขา

เพราะฉะนั้นดิฉันเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้ตามเหตุการณ์ แต่อ่านจากอินเทอร์เน็ตเท่าที่จะอ่านได้ แล้วพบว่ามีผู้เสียชีวิตในคืนนั้น ดิฉันก็มีความรู้สึกว่าเหตุการณ์สงบแล้ว หมายความว่าในแง่ของผู้ชุมนุมสลายแล้ว โอเคอาจมีไฟไหม้มีอะไร แต่ว่าคนที่เข้าไปอยู่ในวัดซึ่งมีป้ายใหญ่โตว่าเป็นเขตอภัยทาน คนของรัฐหลายคนก็ออกมายอมรับว่าให้เป็นเขตอภัยทาน แล้วยังมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น คือต่อให้เป็นผู้ก่อการร้ายรัฐบาลก็ต้องสอบสวน ไม่ว่าเขาตายโดยผู้ก่อการร้ายหรือตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องสอบสวน กรณี 6 ศพในวัดปทุมฯเป็นกรณีที่ควรสอบสวนเป็นพิเศษ

รัฐบาลควรปฏิบัติต่อคนเสื้อแดงอย่างไรหากต้องการสร้างความปรองดองจริงๆ

คิดว่าความจำเป็นในการทำงานครั้งนี้ต้องมีกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันนี้เป็นความจำเป็นยิ่งยวด แต่ที่มาของคณะกรรมการ ดิฉันเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็มี ส.ส. ที่มีความคิดและมีคุณภาพจำนวนมาก อย่างอาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ก็เสนอว่ากรรมการลักษณะแบบนี้ควรตั้งจากรัฐสภา คือวิธีการมีหลากหลาย ให้สภาเป็นคนตั้งเอง หรือนายกฯเลือกคนแล้วให้สภาอนุมัติ ทำคล้ายกับในสหรัฐอเมริกาที่จะตั้งใครในตำแหน่งที่สำคัญต้องให้รัฐสภาอนุมัติ ไม่ใช่รัฐบาลตั้งเอง เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้ปราบเอง เป็นผู้ขัดแย้งเอง กรรมการชุดนี้มีความสำคัญ จึงต้องไม่ใช่เป็นคู่ขัดแย้ง

บทเรียนของประชาชน

บทเรียนนี้คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลทหาร รัฐบาลพลเรือนที่ใช้ปราบปรามประชาชน จริงๆแล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องยกเลิก ดิฉันเข้าใจว่าเรามีเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆที่จะจัดการกับความไม่สงบภายในบ้านเมืองไม่ว่าจะรูปแบบใดๆ คือถ้าจะมีกฎหมายลักษณะแบบนี้ต้องไม่มีมาตราที่เป็นมาตราพิเศษ แม้แต่คุณอภิสิทธิ์เองเคยกล่าวไว้สมัยที่ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าเหมือนรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ หวั่นว่าใช้แล้วคนจะหวาดระแวงและเกิดความแตกแยก นี่คือคำพูดของคุณอภิสิทธิ์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เมื่อเดือนสิงหาคม 2548 คุณอภิสิทธิ์เองก็เห็นแล้วจริงๆ และมีการใช้มากที่สุดในช่วงที่คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าความคิดของคุณอภิสิทธิ์ยังเหมือนเดิมกับเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 นั่นก็หมายความว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้สร้างความหวาดระแวง ความหวาดกลัว จนเกิดความแตกแยกขึ้นมา นี่เอาความคิดคุณอภิสิทธิ์เป็นตัวนำ ฉะนั้นถ้าคุณอภิสิทธิ์ยังคิดแบบเดิมมันต้องยกเลิก

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=7210